Back
HG มีสื่อรักเคลียร์ใจ… ให้เจ้าคุณทาส และเจ้านายเหมียว ได้เกี่ยวก้อยรักกันตราบนิจนิรันดร์
24 | 11 | 2021
HG มีสื่อรักเคลียร์ใจ…
ให้ "เจ้าคุณทาส และ เจ้านายเหมียว” ได้เกี่ยวก้อยรักกัน… ตราบชั่วนิจนิรันดร
อย่าให้ความรักอันแสนหวาน ซาบซ่า กุ๊งงง กิ๊งงง จำต้องเลือนหายไปกับสิ่งที่เขาเรียกกันว่า
“กลิ่น ฉี่ บังตา” เชียวนะ
.
ใช่แล้ว… อ่านไม่ผิดหรอกจ่ะ
.
เพราะถึงแม้นว่า เจ้านายเหมียวที่เหล่าทาสทั้งหลายนั้นต่างจะรัก และเทิดทูน หวงแหน (หรืออาจจะเป็นดั่งตัวแทนได้เข้ารับส่วนแบ่งจากกองมรดก และกิจการทั้งปวง) ซึ่งต่างได้รับทั้งความเอ็นดู และอยู่ในสายตาอย่างหลากคุณูประการก็จริงอยู่
.
แต่กลับอาจจะยังดูมิใช่อนิจจังเสียทั้งหมด
.
เมื่อโลกนี้ต่างยังให้ทั้งคู่ได้ต้องพาลพบ และผ่านประสบกับการพิสูจน์รักแท้ แม้จะดูเหมือนกับว่า ส่วนมากมักจะถูกขีดเขียนอยู่บนบทละครที่ว่าด้วยเรื่องของ “กลิ่นฉี่เจ้ากรรม… ทำทาสนั้นไม้เรียวสั่น”
.
ซึ่งหากไม่นับจังหวะที่ทาสนั้นอาจจะยังเบลอๆ แล้วดันเผลอไปเจอกับกองเศษซากของทิชชู่ม้วนใหม่ ณ ใต้โต๊ะเก้าอี้ หรือแอบเห็นว่ามีร่องรอยการตะกุยโซฟา (ก็คิดซะว่าน้องช่วยแต่งเติมลวดลายให้ก็แล้วกันนะ)
.
ก็อาจจะพูดได้ว่า “การจัดการเรื่องกลิ่นฉี่เหม็น” นั้น นับเป็นเพียงแค่เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้ทั้งคู่ต่างต้องเข้าประจัญหน้า และเตรียมฟาดฟันกันอย่างออกรสออกชาติได้อย่างถึงที่สุด เพราะไม่ว่าจะหยุดอยู่ที่การอุทรณ์กันด้วยวาจา หรือสถานการณ์นำพาให้หนักเข้าขั้น นั่นอาจหมายถึง การต้องเข้าต่อสู้ฟาดฟันกันบนสมรภูมิใดซักแห่งหนบนบ้านเรือน เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งระหว่างเจ้านายเหมียวผู้มาพร้อมด้วยกรงเล็บพิฆาต หรือสุดท้ายแล้ว จะเป็นเจ้าคุณทาสผู้มีเพียงไม้เรียวในมือ (แต่ก็มักดูบิดผิดรูปไปบ้างจากการใช้งานหนักก็ตาม)
.

ได้เวลาแล้วรึยัง?… ที่จะหยุดความระหองระแหงเหล่านี้ มิให้วนเวียนอยู่กับเพียงแค่ปัญหาเดิมๆ อย่างเรื่อง “กลิ่นฉี่เหม็น” ทั้งที่เป็นการฉี่แบบไม่เป็นที่ หรือ กลิ่นคาวอึ กลิ่นคาวฉี่ ที่สะสมอยู่ในกระบะทราย
.
โดยมีอย่างหนึ่งเหนือสิ่งอื่นใดที่ทาสต้องรู้ไว้ และก็ไม่ต้องแปลกใจหรอกนะ เพราะ “กลิ่นฉี่ของน้องแมว” นั้น ถูกจัดได้ว่า เป็นเจ้าแห่งฉี่ที่ส่งกลิ่นเหม็นที่สุด นับตั้งแต่มีการเทียบเคียงกับบรรดาเหล่าสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ หรือแม้แต่กับมนุษย์โลกเลยทีเดียว
.
ทาสจะภาคภูมิใจมั้ยน้าาา
.

โดยอารัมภบททั้งหมดนี้…
ก็มีเจ้า “แอมโมเนีย” (Ammonia) นี่แหละ… ที่เป็นละครสำคัญ!!!!
.
กลิ่นฉี่ของน้องแมวอันเหม็นคุ้งนั้น นับเป็นผลพวงหลักๆ ของสารที่มีชื่อทางการว่า “แอมโมเนีย” (สารชนิดเดียวกับที่พบในกองขยะ และปัสสาวะของมนุษย์) โดยส่วนใหญ่แล้ว มักถูกสร้างขึ้นจากแบคทีเรียโดยรอบ เข้าไปทำปฏิกิริยากับ กรดยูเรีย (Urea) ในปัสสาวะนั่นเอง
.
และกลิ่นเหม็นอาจเพิ่มขึ้นได้เป็นเท่าทวี หากน้องแมวนั้นออกไปเที่ยวเล่น หรือไปเกลือกกลิ้งตามแหล่งสะสมของแบคทีเรียในกลุ่มนี้กลับมา ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งทางขน หรือส่วนใดส่วนหนึ่งทางผิวหนัง โดยเจ้าแบคทีเรียเหล่านี้ สามารถผลิตเอนไซม์ที่ชื่อว่า ยูรีเอส (Urease) ซึ่งย่อยสลายทั้งฉี่ หรืออึของน้องที่สะสมอยู่เป็นเวลานานๆ ให้กลายไปเป็นได้ทั้งสารประกอบแอมโมเนีย และกรดคาร์บอนิค โดยส่งผลให้เราจึงยิ่งรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวที่ยังคงติดค้าง ถึงแม้ว่าจะมีการล้างทำความสะอาดแบบทั่วๆ ไปแล้วก็ตาม

หรือกลิ่นอีกประเภทหนึ่งที่ชื่อ “กลิ่นแคทตี้” (Catty Odour)
.
โดยส่วนใหญ่ในต่างประเทศนั้น มักจะคุ้นหูกับคำนี้กันเป็นอย่างดี เพราะนับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักๆ ในเรื่อง กลิ่นเหม็นฉี่ของน้องแมว แต่ถูกเฉพาะเจาะจงลงลึกไปที่ปัญหากลิ่นที่เกิดขึ้นในกระบะทรายของน้องนั่นเอง
.
ซึ่งกลิ่นดังกล่าว เป็นปฏิกิริยาที่มาจากการย่อยสลายของสารที่มีชื่อว่า “เฟลินิน” (Felinine) (สารดังกล่าวนับเป็นหนึ่งใน ฟีโรโมน ของเจ้าเหมียวด้วยนะ จึงทำให้เวลาหาคู่ หรือตามหาความรัก เราจึงมักเห็นน้องเขาดมๆ ที่ก้นกันและกัน)
.
โดยสารในกลุ่มนี้ จะถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมากในช่วงวัยตั้งแต่ 3 เดือน จนกระทั่งถึงช่วงก่อนโตเต็มวัย โดยเฉพาะกับน้องแมวตัวผู้ ซึ่งหากเราลองสังเกตุดีๆ ก็จะพบทราบว่า กลิ่นฉี่เหม็นในช่วงระยะนี้ มักจะส่งกลิ่นแรงมากๆ นั่นเอง เพราะถึงแม้ว่า สารเฟลินิน จะไม่มีกลิ่นก็จริง แต่เมื่อทำปฏิกิริยาทางเคมีกับสภาพแวดล้อมแล้วนั้น ก็จะทำให้เกิดสารประกอบกลุ่ม กำมะถัน (Sulfur) หรือ ส่วนประกอบของแก็สไข่เน่า นั่นเอง
.
ซึ่งโดยทั่วไป นอกจากทำให้เกิดกลิ่นที่เหม็นมากๆ แล้ว ยังมักจะทำให้เกิดกลิ่นติดค้างสะสมอยู่ที่กระบะทราย หรือบางทีก็อาจจะมีกลิ่นติดไปกับตัวน้องได้
.
ฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดกลิ่นฉี่ของเจ้าเหมียวนั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบหลักจากจุลินทรีย์ธรรมชาติ เพื่อเป็นการยับยั้งปฏิกิริยาการย่อยสลายของสารยูเรีย ซึ่งนับเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้เกิดสารประกอบแอมโมเนีย และกลิ่นเหม็นในที่สุด โดยข้อดีนอกจากการไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อน้องแมวแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันการก่อตัวของกลิ่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
.
ทั้งนี้ ย่อมดีกว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่มีเพียงส่วนช่วยในการกำจัดกลิ่น หรือปกปิดกลิ่นด้วยน้ำหอมแบบทั่วๆ ไป เพราะนอกจากไม่ได้ช่วยให้เป็นการทำความสะอาดอย่างถูกสุขอนามัยแล้ว หากยังมีการใช้ต่อไปในระยะยาว ย่อมอาจส่งผลต่อสุขภาพของเจ้านายเหมียวที่เหล่าทาสต่างเทิดทูนก็เป็นได้
.
HG มีสื่อรักเคลียร์ใจ …
“เจ้าคุณทาส” ได้ใช้แล้ว “เจ้าคุณเหมียว” ก็คงต้องร้องบอกว่า ใช่เลยยย!!!
Ref.
pubs.acs.org
hd.co.th