รหัสโปรโมชั่น NewWeb ซื้อเลย

บทความ

LOTO (Lockout Tagout) ระบบควบคุมพลังงานให้ปลอดภัยในอุตสาหกรรม

18 ตุลาคม 2568

LOTO (Lockout Tagout) ระบบควบคุมพลังงานให้ปลอดภัยในอุตสาหกรรม
หนึ่งในมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีบทบาทสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดในอุตสาหกรรม นั่นก็คือ ‘LOTO’ หรือ Lockout-Tagout ซึ่งเป็นระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมแหล่งพลังงานอันตรายระหว่างการซ่อมบำรุง หรือการทำงานกับเครื่องจักร เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องจักรจะหยุดทำงานอย่างสมบูรณ์และปลอดภัย ในบทความนี้ naradee จะขอพาไปทำความเข้าใจและความสำคัญของระบบ LOTO ว่าคืออะไร มีหน้าที่ที่สำคัญอะไรบ้าง และข้อมูลอื่น ๆ ที่ควรทราบ หากพร้อมแล้ว ไปอ่านกันเลย! สารบัญบทความรู้จักกับ LOTO (Lockout-Tagout) คือระบบอะไร?ระบบ LOTO มีหลักการทำงานอย่างไร?ประโยชน์ของการนำระบบ LOTO (Lockout-Tagout) มาใช้ขั้นตอนการทำ Lockout-Tagout มีอะไรบ้าง?ข้อควรระวังของระบบ LOTO ที่ควรทราบและให้ความสำคัญLOTO ระบบป้องกันและควบคุมพลังงานที่ทุกโรงงานอุตสาหกรรมจำเป็นต้องมี รู้จักกับ LOTO (Lockout-Tagout) คือระบบอะไร? ระบบ Lockout-Tagout (LOTO) เป็นมาตรการความปลอดภัยในโรงงานและอุตสหกรรม ที่จะใช้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากพลังงานอันตราย โดยการล็อกอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร และมีการติดป้ายเตือนเพื่อไม่ให้สามารถใช้งานได้ในระหว่างการซ่อมบำรุงหรือบริการ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงป้องกันพลังงานอันตรายจากหลายแหล่ง เช่น ไฟฟ้า, แรงดันอากาศ, แรงดันไฮดรอลิก หรือพลังงานกลที่อาจสะสมในเครื่องจักรด้วย ระบบนี้ช่วยให้มั่นใจว่าเครื่องจักรจะไม่สามารถเริ่มทำงานได้ จนกว่าการซ่อมแซมหรือการบริการจะเสร็จสิ้นอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการปล่อยพลังงานโดยไม่ตั้งใจ และปกป้องพนักงานจากอันตรายระหว่างการทำงานกับอุปกรณ์อันตรายต่าง ๆ นั่นเอง ระบบ LOTO มีหลักการทำงานอย่างไร?หัวใจสำคัญในหลักการทำงานของ LOTO อยู่ที่การตัดแยกและควบคุมพลังงานทุกรูปแบบที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งอุปกรณ์ Lockout และ Tagout จะมีหน้าที่และหลักการทำงานโดยคร่าว ๆ ดังนี้ LockoutLockout จะเป็นกระบวนการใช้กุญแจ อุปกรณ์ล็อค กุญแจนิรภัย เพื่อช่วยแยกแหล่งพลังงานจากระบบเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เบรกเกอร์ วาล์ว หรือสวิตช์ ให้อยู่ในสถานะปิด ป้องกันการจ่ายพลังงานโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้การทำงานหรือซ่อมบำรุงอุปกรณ์เป็นไปอย่างปลอดภัยตัวอย่างอุปกรณ์ล็อกที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ตัดแยกพลังงานแต่ละประเภท เช่นล็อคเซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker Lockout) ใช้สำหรับล็อกเบรกเกอร์ไฟฟ้าเพื่อป้องกันการสับสวิตช์ขึ้นโดยไม่ตั้งใจล็อควาล์ว (Valve Lockout) มีหลายรูปแบบสำหรับวาล์วแต่ละชนิด เช่น บอลวาล์ว และวาล์วประตู เพื่อป้องกันการเปิด-ปิดวาล์วล็อคปลั๊กและสวิตช์ (Plug and Switch Lockout) ใช้ครอบปลั๊กไฟหรือสวิตช์เพื่อป้องกันการเสียบปลั๊กหรือการกดสวิตช์ล็อคนิวแมติก (Pneumatic Lockout) ใช้สำหรับตัดการเชื่อมต่อ และปล่อยแรงดันลมที่ตกค้างในระบบ TagoutTagout จะเป็นกระบวนการที่ติดป้ายเตือนสัญลักษณ์ความปลอดภัยที่อุปกรณ์ หรือเครื่องจักรระหว่างการซ่อมบำรุง เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องถูกเปิดใช้งานโดยไม่ตั้งใจ ซึ่ง Tagout จะต้องทำควบคู่กับไปกับการทำ Lockout เพื่อป้องกันการใช้งานจนกว่าจะเสร็จสิ้นการซ่อมแซม รวมถึงการปิดเครื่องจักรและตัดแยกพลังงานต่าง ๆ ให้แน่ใจว่าไม่มีพลังงานที่สะสมค้างอยู่ในระบบหรืออุปกรณ์ เครื่องจักรหยุดนิ่งและมีความปลอดภัยโดยข้อมูลที่ควรระบุบนป้าย Tagout มักจะประกอบด้วยคำเตือนที่ชัดเจน เช่น ห้ามเปิดเครื่อง, อันตราย, ห้ามใช้งาน, อยู่ในระหว่างการบำรุงรักษาอุปกรณ์ชื่อผู้ที่ทำการล็อกและแขวนป้ายหน่วยงานหรือแผนกที่รับผิดชอบช่องทางการติดต่อวันที่และเวลาที่ทำการล็อก ประโยชน์ของการนำระบบ LOTO (Lockout-Tagout) มาใช้การนำระบบ LOTO มาใช้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอในสถานประกอบการ มีประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านความปลอดภัย การดำเนินงาน และในด้านอื่น ๆ ดังนี้ป้องกันอุบัติเหตุจากการปล่อยพลังงานโดยไม่ตั้งใจ ระบบ LOTO ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยพลังงานที่เก็บไว้ในเครื่องจักรโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น การช็อตไฟฟ้า หรือการทำงานของเครื่องจักรที่ไม่ควรเกิดในขณะที่กำลังซ่อมบำรุง หรือปรับส่วนประกอบต่าง ๆ ซึ่งระบบนี้ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน เช่น กระแสไฟฟ้า แรงดันอากาศ หรือแก๊สที่อาจถูกปล่อยออกมาโดยไม่รู้ตัวในระหว่างงานซ่อมบำรุง การล็อคแหล่งพลังงานเหล่านี้จะช่วยป้องกันการเริ่มทำงานโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสามารถช่วยลดโอกาสของการบาดเจ็บหรือการเสียชีวิตของผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่นั้นได้การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย หลายประเทศมีกฎหมายที่กำหนดให้การใช้ระบบ LOTO เป็นข้อบังคับในสถานที่ทำงานที่มีแหล่งพลังงานอันตราย การปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ช่วยให้บริษัทและโรงงานสามารถรักษาความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน รวมไปถึงสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ช่วยให้มีขั้นตอนมาตรฐานที่ชัดเจน ระบบ LOTO ถือเป็นอีกหนึ่งในขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานในการแยกและควบคุมแหล่งพลังงาน โดยมีเอกสารที่กำหนดขั้นตอน และมีการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามมาตรฐาน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจในการดำเนินการเพิ่มความตระหนักรู้ในด้านการเตือนความปลอดภัย การใช้ระบบ LOTO ช่วยเพิ่มการตระหนักรู้ของพนักงานถึงการซ่อมบำรุง หรือการปรับปรุงเครื่องจักรที่ไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนั้น ช่วยปรับปรุงการสื่อสาร และการประสานงานให้มีประสิทธิภาพ การนำระบบ LOTO มาใช้นั้น จำเป็นจะมีการประสานงานที่ดีระหว่างผู้ปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุง และหัวหน้างาน ไปจนถึงมีช่องทางการสื่อสารที่ชัดเจนอยู่เสมอ เพื่อให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องทราบสถานะของอุปกรณ์ และการบำรุงรักษาที่กำลังดำเนินอยู่ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุกคนมีข้อมูลและความเข้าใจที่ตรงกันในการใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสมช่วยป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์ การล็อคเครื่องจักรในระหว่างการซ่อมบำรุง จะช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้าย หรือการปรับแต่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดการซ่อมแซมที่มีค่าใช้จ่ายสูง หรือการหยุดทำงานของเครื่องจักรที่จะเป็นผลเสียในภายหลัง ขั้นตอนการทำ Lockout-Tagout มีอะไรบ้าง?เพื่อให้มั่นใจว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานจะปลอดภัยอย่างสูงสุดต่อพนักงาน และระบบ LOTO จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การทำ Lockout Tagout ควรจะปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ระบุอันตรายที่อาจเกิดจากเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ต้องซ่อมบำรุง เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและสามารถระมัดระวังได้อย่างถูกต้องแจ้งพนักงานที่เกี่ยวข้องถึงช่วงเวลาที่เครื่องจักรจะหยุดทำงาน เพื่อไม่ให้มีพนักงานติดอยู่ในเครื่องจักร โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นเครื่องจักรที่จะต้องมีคนเข้าไปทำงานด้านในปิดการทำงานของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ให้หยุดนิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่ทำการซ่อมบำรุงตัดการจ่ายพลังงานจากเครื่องจักรโดยการปิดเบรกเกอร์ สวิตช์ หรือวาล์วที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการทำงานโดยไม่ตั้งใจทำการล็อคอุปกรณ์และติดป้ายเตือนที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องจักรหรืออุปกรณ์จะไม่ถูกเปิดใช้งานจนกว่าจะเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงหลังจากตัดแหล่งพลังงานออกไปแล้ว ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีพลังงานที่เหลือหรือสะสมอยู่ภายในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพลังงานที่เหลืออยู่ ข้อควรระวังของระบบ LOTO ที่ควรทราบและให้ความสำคัญหลังจากที่ได้ทราบเกี่ยวกับประโยชน์ ขั้นตอนการทำงานของ Lockout Tagout กันไปแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ควรทราบนั่นก็คือข้อควรระวัง ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในขณะที่ใช้งาน โดยข้อควรระวังมีดังต่อไปนี้อุปกรณ์ Lockout ที่ใช้ในงานระบบไฟฟ้าควรจะเป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน แข็งแรงทนทาน และควรจะทำจากวัสดุที่ไม่เป็นสื่อนำกระแสไฟ เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมไปถึงมั่นใจในการป้องกันอันตรายจากการลัดวงจรหรือไฟฟ้าช็อตควรเลือกใช้อุปกรณ์ Lockout ให้เหมาะสมกับประเภทของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ต้องการควบคุม เพื่อความเหมาะสมและปลอดภัยสูงสุดผู้ปฏิบัติงานควรจะต้องรู้จักแหล่งพลังงานที่อาจเป็นอันตรายในโรงงาน หรือบริษัทของตนเอง ไปจนถึงรวมถึงวิธีการควบคุม ปิด หรือการจ่ายพลังงานให้ถูกต้องและมีความปลอดภัยผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนต้องมีแม่กุญแจเฉพาะของตนเอง และห้ามให้ผู้อื่นยืมใช้โดยเด็ดขาดผู้ปฏิบัติงานที่ใช้ Lockout จำเป็นจะต้องได้รับการฝึกอบรมถึงวิธีการใช้งานอุปกรณ์อย่างถูกต้อง โดยแนะนำว่าจะควรจะมีการฝึกอบรมเหล่านี้เป็นประจำทุก ๆ 3 ปี หรือเป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นการทบทวนความรู้ความเข้าใจสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานควรจัดการฝึกอบรมเพื่อให้พนักงานเข้าใจวิธีการควบคุมแหล่งพลังงานที่อาจเป็นอันตรายและสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ LOTO ระบบป้องกันและควบคุมพลังงานที่ทุกโรงงานอุตสาหกรรมจำเป็นต้องมีการป้องกันอุบัติเหตุจากพลังงานอันตรายระหว่างการซ่อมบำรุงเครื่องจักรเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม และแน่นอนว่าระบบ LOTO (Lockout-Tagout) เป็นตัวช่วยสำคัญที่ตอบโจทย์ เพื่อให้ทุกการซ่อมบำรุงเป็นไปอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของพนักงานและสำหรับใครที่ต้องการป้องกันภัยจากเหตุไม่คาดฝัน เซฟตี้ทุกงานประจำวัน สามารถเลือกใช้ “Lock-out/Tag-out” (LOTO) ตามมาตรฐาน OSHA อุปกรณ์ที่ทั้งทนทาน แข็งแรง และได้มาตรฐาน พร้อมระบบระบุเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วย “กุญแจคล้องตระกูล Master Lock 406” ที่ได้รับการออกแบบพิเศษเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในงานอุตสาหกรรม เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าและพื้นที่เสี่ยงอันตรายคุณสมบัติและจุดเด่นของ Master Lock 406ผลิตจากวัสดุผสม Zenex™ แข็งแรงและปลอดภัยห่วงกุญแจไนลอนผสม หุ้มฉนวนไฟฟ้า ไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ (ศก. 6 มม.)ทนต่อการกัดกร่อนและสารเคมี ใช้งานได้ตั้งแต่อุณหภูมิ -57 °C ถึง +177 °Cทนต่อแสง UV และแรงดึงในตำแหน่งปิดสูงถึง 114 กก. (252 ปอนด์)เลือกได้ทั้ง: ลูกกุญแจเดี่ยว (KD), ลูกกุญแจเหมือนกัน (KA), ระบบมาสเตอร์คีย์ (MK)รองรับการสลักเลเซอร์เพื่อระบุรายละเอียดบนตัวกุญแจมาพร้อมป้ายเตือน “Danger!!! (อันตราย)” และ “Property of (ทรัพย์สินของ)”นอกจากกุญแจ LOTO ที่ naradeeSTORE ยังมีอุปกรณ์ล็อคเพื่อความปลอดภัย (Safety Series) ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ระหว่างการซ่อมบำรุงหรือแก้ไขแหล่งจ่ายพลังงาน โดยครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์ล็อควาล์ว ล็อคปลั๊กไฟฟ้า ล็อคระบบนิวแมติก ล็อคเซอร์กิตเบรกเกอร์ ไปจนถึงฝาครอบป้องกันปุ่มกดและสวิตช์ ซึ่งทั้งหมดนี้ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างครบครัน เหมาะสำหรับทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและทุกขนาดองค์กร ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน โรงแรม หรือคอนโดฯสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่Facebook : https://www.facebook.com/naradee.STORELine : @naradeeTel : 080-804-5445 (ทุกวัน เวลา 11.00 น. - 19.00 น.)
ความปลอดภัยในโรงงาน ปัจจัยสำคัญที่นายจ้างควรรู้

18 ตุลาคม 2568

ความปลอดภัยในโรงงาน ปัจจัยสำคัญที่นายจ้างควรรู้
การทำงานในโรงงาน เป็นการทำงานภายใต้สถานที่ที่เต็มไปด้วยเครื่องจักร อุปกรณ์ และพนักงานจำนวนมาก ความปลอดภัยในโรงงาน จึงถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน หากขาดมาตรการด้านความปลอดภัยที่ดี ย่อมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ สูญเสียทรัพย์สิน และกระทบต่อกำลังใจของพนักงาน ดังนั้น โรงงานทุกแห่งจึงควรตระหนักถึงการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในโรงงาน ทั้งในด้านการป้องกัน การอบรม และการจัดการที่เป็นระบบ เพื่อให้การทำงานราบรื่นและมั่นคงในระยะยาวในบทความนี้ เราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจถึงแนวทางสร้างความปลอดภัยในโรงงาน ว่าการสร้างความปลอดภัยในการปฏิบัติงานมีอะไรบ้าง และมีสิ่งใดที่นายจ้างควรให้ความสำคัญ สารบัญบทความความปลอดภัยในโรงงาน คืออะไร ทำไมทุกองค์กรต้องมีความปลอดภัยในโรงงาน สำคัญอย่างไรอุบัติเหตุในโรงงานมักเกิดจากอะไรบ้างแนวทางสร้างความปลอดภัยในโรงงาน มีอะไรบ้าง8 วิธีเพิ่มความปลอดภัยในโรงงาน ให้ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพความปลอดภัยในโรงงาน เรื่องที่นายจ้างไม่ควรมองข้าม ความปลอดภัยในโรงงาน คืออะไร ทำไมทุกองค์กรต้องมีความปลอดภัยในโรงงาน คือสภาพแวดล้อมของการทำงานโรงงานที่มีประสิทธิภาพ มีความถูกต้อง โดยจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของเครื่องจักร อุปกรณ์ รวมถึงสถานที่ทำงาน ที่ปราศจากความเสี่ยง จนเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ทรัพย์สิน หรือชีวิตของคนงาน  ความปลอดภัยในโรงงาน สำคัญอย่างไรสำหรับการทำงานโรงงานนั้น ความปลอดภัยในโรงงาน ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ และควรคำนึงถึงอย่างยิ่ง ไม่ต่างจากผลผลิตที่ได้ เพราะความปลอดภัยในการทำงานจะช่วยส่งเสริมให้การทำงาน รวมถึงผลลัพธ์ของงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยความสำคัญของความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม มีดังนี้ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำงานลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล และการซ่อมบำรุงหลังเกิดเหตุสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงานมั่นใจ และมีกำลังใจในการทำงานส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร แสดงถึงความใส่ใจต่อบุคลากร อุบัติเหตุในโรงงานมักเกิดจากอะไรบ้างหากองค์กรไหนที่ละเลยต่อความปลอดภัยในโรงงาน อาจส่งผลต่อความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ และอันตรายต่อคนงาน ซึ่งสาเหตุที่มักทำให้เกิดอุบัติเหตุในโรงงาน มีดังนี้พนักงานไม่มีอุปกรณ์ป้องกันสวมใส่ขณะทำงานระบบการทำงานที่เร่งรีบ แข่งกับเวลา จนละเลยความปลอดภัยในงานอุตสาหกรรมสภาพของโรงงานที่ไม่ปลอดภัย เช่น โรงงานไม่สะอาด วางของไม่เป็นระเบียบ และอุปกรณ์เกิดการชำรุดเพราะขาดการตรวจสอบมานาน เป็นต้นความประมาท ไม่รอบคอบของพนักงานที่ปฏิบัติงานการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์โดยขาดความเข้าใจ ส่งผลให้ใช้เครื่องมือผิดวิธี จนก่อให้เกิดอันตรายการแต่งกายไม่เหมาะสม เช่น สวมใส่เครื่องประดับที่เป็นโลหะ จนเกิดอันตรายต่อการปฏิบัติงานการทำงานในขณะที่สภาพร่างกายหรือจิตใจไม่พร้อม เช่น เกิดภาวะซึมเศร้า หรือเจ็บป่วยทางร่างกาย ที่ส่งผลให้ขาดสติ ทำงานได้ไม่เต็มที่ จนเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติงาน แนวทางสร้างความปลอดภัยในโรงงาน มีอะไรบ้าง จากความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการสร้างความปลอดภัยในโรงงานนั้น เป็นสิ่งที่ทุกโรงงานควรให้ความสำคัญ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ซึ่งความปลอดภัยในโรงงาน 15 ข้อที่ทุกโรงงานควรให้ความสำคัญ มีดังนี้นายจ้างจะต้องจัดการและดูแลสถานที่ทำงานและลูกจ้างให้ถูกสุขลักษณะ มีความปลอดภัย โดยลูกจ้างก็ต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติตามที่นายจ้างกำหนดนายจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อค่าชดเชยของลูกจ้าง ในส่วนของค่าดำเนินการที่เกี่ยวกับความปลอดภัยที่กำหนดใน พ.ร.บ.นายจ้างจะต้องจัดทำเอกสาร รายงาน หรือคู่มือ ที่เกี่ยวข้องการมาตรฐานความปลอดภัยในโรงงาน ซึ่งจะต้องผ่านการประเมิน หรือรับรองจากบุคคล หรือนิติบุคคลนายจ้างจะต้องดำเนินการจ้างเจ้าหน้าที่ บุคลากร หรือกลุ่มบุคคล มาทำหน้าที่สำหรับดูแลความปลอดภัยในระหว่างที่ดำเนินงานตามที่กฎกระทรวงกำหนดกรณีที่มีการทำงานภายใต้สภาพที่เสี่ยงต่อชีวิต สุขภาพ และสุขอนามัยของลูกจ้าง นายจ้างจะต้องแจ้งถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ให้กับพนักงานได้รับรู้ก่อนเสมอ รวมถึงมีการแจกคู่มือเพื่อทำความเข้าใจก่อนเริ่มงานนายจ้างจะต้องมีการจัดการอบรมและให้ความรู้ต่อลูกจ้างทุกคนถึงความปลอดภัย มีสุขอนามัยที่ดีในการทำงานหากมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องอุปกรณ์หรือย้ายตำแหน่งของลูกจ้าง นายจ้างจะต้องฝึกอบรม และให้ความรู้ก่อนเริ่มงานเสมอนายจ้างจะต้องมีการติดป้ายสัญลักษณ์เพื่อเตือนถึงอันตราย รวมถึงติดป้ายสัญลักษณ์ความปลอดภัยอย่างชัดเจนลูกจ้างมีสิทธิและหน้าที่ในการสนับสนุนนายจ้าง เพื่อจัดสถานที่ทำงานหรือโรงงาน ให้เกิดสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย เช่น การจัดการความสะอาดของโรงงานหากลูกจ้างพบว่าเครื่องมือหรืออุปกรณ์เกิดการชำรุด ควรดำเนินการแจ้งนายจ้าง และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ทราบทันทีนายจ้างจะต้องดำเนินการจัดการให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในขณะที่ทำงานภายในโรงงานลูกจ้างจะต้องสวมใส่อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยตามที่โรงงานกำหนดลูกจ้างจะต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นอันตราย เช่น การวิ่งเล่น หยอกล้อ หรือทำกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมในโรงงาน จนเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ และปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในโรงงานอย่างเคร่งครัดจัดการกับสารเคมีอย่างระมัดระวัง กรณีที่งานที่รับผิดชอบ ต้องสัมผัสหรือเกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตราย นายจ้างควรมีการแยกสารเคมีให้ถูกประเภท และมีแผนรับมือหากสารเคมีรั่วไหล ลูกจ้างจะต้องสามารถเตรียมความพร้อมต่อเหตุฉุกเฉิน เช่น การอบรมกรณีเกิดไฟไหม้ หรือเหตุไม่คาดฝันภายในโรงงาน เพื่อให้สามารถรับมือและแก้ไขได้อย่างถูกต้อง 8 วิธีเพิ่มความปลอดภัยในโรงงาน ให้ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพการทำงานในโรงงานเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และประสิทธิภาพของการผลิต ดังนั้น การสร้างมาตรการด้านความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่นายจ้างและพนักงานทุกคนไม่ควรมองข้าม โดยวิธีสร้างความปลอดภัยในโรงงานที่นายจ้างควรให้ความสำคัญ มีดังนี้ 1. ประเมินความเสี่ยงขั้นตอนแรกในการสร้างความปลอดภัยในโรงงานคือ นายจ้างจะต้องประเมินความเสี่ยงต่าง ๆ ภายในโรงงาน เพื่อให้ทราบว่ามีพื้นที่หรือจุดไหนบ้างที่อาจเป็นอันตรายในโรงงาน และดำเนินการบำรุง แก้ไขได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายต่อร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของโรงงานจากเหตุไม่คาดฝัน เมื่อพื้นที่ในโรงงานมีความเสี่ยงน้อยลง ก็จะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในระยะยาว 2. ใส่ใจความสะอาดความสะอาดถือว่าเป็นอีกปัจจัยสำคัญต่อความปลอดภัย เพราะหากสถานที่ทำงานหรือภายในโรงงานไม่เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นคราบน้ำหก หรือวางข้าวของที่ไม่เป็นที่ อาจทำให้พนักงานเกิดล้ม สะดุด หรือเกิดอุบัติเหตุไฟฟ้าชำรุด จนเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของโรงงานได้ ดังนั้นโรงงานที่ดีและปลอดภัย จะต้องมีการจัดการพื้นที่ที่สะอาด มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งจะช่วยให้การทำงานเป็นระบบชัดเจนมากยิ่งขึ้น 3. ตรวจเช็กกลไกป้องกันของเครื่องจักรในการทำงานที่ต้องใช้เครื่องจักร นายจ้างและพนักงานที่รับผิดชอบจะต้องตรวจสอบกลไกการทำงานของระบบป้องกันของเครื่องจักรก่อนใช้งานทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะตรงตามหลัก Safety ในโรงงาน และลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องจักรที่ทำงานขัดข้อง  4. สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งที่ทำงานในส่วนของพนักงานหรือนายจ้างที่ต้องทำงานกับเครื่องจักร ควรจะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตลอดเวลา เนื่องจากอุปกรณ์ป้องกันจะช่วยลดอาการบาดเจ็บร้ายแรงจากอุบัติเหตุลงได้ ทั้งนี้ อุปกรณ์ที่นายจ้างเลือกใช้จะต้องเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับมาตรฐาน PPE (Personal Protective Equipment) ไม่ว่าจะเป็น หมวกนิรภัย ถุงมือ หรือชุดป้องกัน เป็นต้น 5. เรียนรู้การใช้เครื่องจักรให้ถูกต้องเนื่องจากในแต่ละโรงงานนั้นเต็มไปด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์มากมาย ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันไป นายจ้างจึงควรแจกจ่ายคู่มือ และสอนวิธีการใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ ให้พนักงานรับรู้ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และยังเป็นการป้องกันโอกาสสั่งการผิดพลาด จนทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างดำเนินการ จนทำให้เครื่องมือชำรุด หรือเกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ 6. ไม่วางสิ่งของขวางทางออกฉุกเฉินหากในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันภายในโรงงาน เช่น ไฟไหม้เครื่องจักร จนทำให้ต้องอพยพพนักงานออกจากพื้นที่ ควรจะต้องมีการเคลียร์พื้นที่ทางออกฉุกเฉินให้ทุกคนสามารถออกจากโรงงานได้รวดเร็วที่สุด ไม่ควรมีสิ่งของวางกั้นบริเวณดังกล่าว เพราะอาจทำให้การเคลื่อนย้ายล่าช้า และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตมากขึ้น 7. หมั่นฝึกอบรมพนักงานถึงความปลอดภัยความปลอดภัยของการปฏิบัติงานจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่มีความรู้ความเข้าใจถึงความปลอดภัยและการรับมือต่าง ๆ อย่างเพียงพอ นายจ้างจึงควรมีการจัดอบรมให้ความรู้ต่อพนักงานอย่างเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้พนักงานสามารถเข้าใจวิธีการทำงานที่ปลอดภัย สามารถใช้เครื่องจักรได้ถูกต้อง ระมัดระวัง รวมถึงมีสติ และพร้อมรับมือหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น  8. รายงานและสืบหาสาเหตุอย่างละเอียดความปลอดภัยในโรงงานจะเกิดขึ้นได้นั้น นอกจากการสร้างระบบความปลอดภัยในโรงงาน และความสะอาดของเครื่องมือแล้ว นายจ้างควรให้มีการรายงานเหตุการณ์ความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหากมีการเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว ควรมีการสืบสวน และหาสาเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ความปลอดภัยในโรงงาน เรื่องที่นายจ้างไม่ควรมองข้ามจากแนวทางด้านความปลอดภัยในโรงงานที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการดูแลและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กร เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับพนักงานและคู่ค้า ทั้งนี้ หากโรงงานต้องการอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมความปลอดภัย สามารถเลือกซื้อสินค้าคุณภาพได้ที่ naradeeSTORE ซึ่งได้รวบรวมอุปกรณ์ดูแลและปกป้องทรัพย์สินที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็น ตู้เซฟนิรภัย และกุญแจมาสเตอร์ล็อคคุณภาพสูงโดยอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยที่แนะนำสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม คือ กุญแจนิรภัย LOTO (Lockout Tagout) ที่เป็นอุปกรณ์สำคัญในการป้องกันการเปิดใช้งานเครื่องจักรโดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ยังมีกุญแจนิรภัยในอุตสาหกรรมหลายกลุ่มให้เลือกใช้ตามลักษณะงาน เช่น กุญแจล็อกสำหรับไฟฟ้า (Electrical Lockout Padlock), กุญแจล็อกสำหรับวาล์ว (Valve Lockout), และกุญแจล็อกสำหรับกลไกเครื่องจักร (Mechanical Lockout) ที่ถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานในสภาวะต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร มีวัสดุแข็งแรงทนต่อการใช้งานหนัก ช่วยสร้างความปลอดภัยในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และลดการเกิดอันตรายระหว่างการทำงานได้ดียิ่งขึ้นหากสนใจผลิตภัณฑ์จาก naradee STORE สามารถติดต่อได้ที่Facebook : https://www.facebook.com/naradee.STORELine : @naradeeTel : 080-804-5445 (ทุกวัน เวลา 11.00 น. - 19.00 น.)
12 เคล็ดลับดับกลิ่นห้องน้ำ ทำง่าย ได้ผลจริง

27 กันยายน 2568

12 เคล็ดลับดับกลิ่นห้องน้ำ ทำง่าย ได้ผลจริง
ห้องน้ำ เป็นพื้นที่ที่เราใช้ทุกวัน และยังเป็นแหล่งสะสมกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่าย ไม่ว่าจะมาจากท่อน้ำ อากาศอับชื้น หรือการใช้งานทั่วไป หากปล่อยไว้ไม่เพียงแต่ทำให้เสียบรรยากาศภายในบ้าน แต่ยังส่งผลต่อความรู้สึกและสุขอนามัยด้วย บทความนี้ได้รวบรวม 12 เคล็ดลับดับกลิ่นห้องน้ำที่ทำได้จริงและไม่ยุ่งยาก ช่วยให้ห้องน้ำกลับมาสะอาด สดชื่น และน่าใช้อยู่เสมอ มาดูกันว่ามีวิธีอะไรบ้าง สารบัญบทความ1. เปิดระบายอากาศห้องน้ำทุกวัน2. ใช้น้ำส้มสายชูช่วยดับกลิ่น3. เบกกิ้งโซดาดูดกลิ่น4. ทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ5. ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อในท่อระบายน้ำ6. จุดเทียนหอมหรือน้ำมันหอมระเหย7. ใช้เปลือกส้ม มะนาว หรือมะกรูด8. ขัดพื้นและผนังห้องน้ำ9. เปลี่ยนถังขยะบ่อย ๆ10. ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มในถังน้ำชักโครก11. ใช้สเปรย์ปรับอากาศแบบทำเอง12. ใช้ต้นไม้ช่วยกำจัดกลิ่นและฟอกอากาศดับกลิ่นห้องน้ำง่าย ๆ ใช้ของใกล้ตัว ได้ผลจริง 1. เปิดระบายอากาศห้องน้ำทุกวันหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ห้องน้ำเหม็น หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์คือความอับชื้น และการหมุนเวียนอากาศที่ไม่ดี หากห้องน้ำไม่มีการระบายอากาศ กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็จะสะสมอยู่ตลอดเวลา วิธีแก้ที่ง่ายที่สุดคือเปิดหน้าต่าง หรือเปิดพัดลมระบายอากาศทุกวัน วันละอย่างน้อย 15-30 นาที จะช่วยให้ความชื้นลดลงและอากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น ถือเป็นวิธีดับกลิ่นห้องน้ำที่ง่ายแต่ได้ผลจริง 2. ใช้น้ำส้มสายชูช่วยดับกลิ่นน้ำส้มสายชูถือเป็นของใช้ในครัวที่มีประโยชน์มาก เพราะมีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นและช่วยฆ่าเชื้อโรค เพียงเทน้ำส้มสายชูใส่ถ้วยแล้ววางทิ้งไว้ในห้องน้ำข้ามคืน กลิ่นอับจะค่อย ๆ จางหายไป หรืออาจเทน้ำส้มสายชูลงไปในท่อระบายน้ำสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดการสะสมของคราบและเชื้อรา วิธีนี้เป็นวิธีแก้ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็นได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีรุนแรง 3. เบกกิ้งโซดาดูดกลิ่นเบกกิ้งโซดาเป็นของสารพัดประโยชน์ ทั้งใช้ทำอาหาร ทำความสะอาด และยังเป็นตัวช่วยดับกลิ่นในห้องน้ำได้ดีเยี่ยม เพียงโรยเบกกิ้งโซดาลงบนพื้นหรือท่อระบายน้ำทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก จะช่วยสลายคราบและกลิ่นอับ หากใครสงสัยว่าห้องน้ำเหม็นแก้ยังไง นี่คืออีกหนึ่งวิธีที่ใช้เพียงของใกล้ตัว และเห็นผลได้ชัดเจน 4. ทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอโถสุขภัณฑ์เป็นจุดที่มักมีกลิ่นสะสมมากที่สุด หากไม่ได้ล้างเป็นประจำ กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็จะลอยฟุ้งทั่วห้องน้ำ วิธีแก้คือล้างโถสุขภัณฑ์สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำสูตรธรรมชาติ เช่น เบกกิ้งโซดาผสมมะนาว หรือใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ขัดทำความสะอาดให้ทั่ว จะช่วยทั้งขจัดคราบและดับกลิ่นห้องน้ำไปพร้อมกัน ทำให้บรรยากาศสดชื่นขึ้นทันตาเห็น 5. ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อในท่อระบายน้ำบางครั้งปัญหาห้องน้ํามีกลิ่นเหม็น วิธีแก้ไม่ได้อยู่ที่โถสุขภัณฑ์ พื้น หรือผนังห้องน้ำ แต่เกิดจากท่อระบายน้ำที่อุดตันด้วยเศษผม คราบสบู่ หรือคราบไขมัน การเทน้ำยาฆ่าเชื้อ น้ำร้อนผสมเกลือ หรือเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชูลงท่อ จะช่วยละลายคราบและฆ่าเชื้อโรคได้ วิธีนี้ควรทำเดือนละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดกลิ่นที่ตีขึ้นมาจากท่อได้เป็นอย่างดี 6. จุดเทียนหอมหรือน้ำมันหอมระเหยการเพิ่มกลิ่นหอมจากธรรมชาติเข้ามาช่วยกลบกลิ่นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผล เช่น การจุดเทียนหอมสัก 10-15 นาที หรือใช้น้ำมันหอมระเหยหยดใส่เครื่องพ่นไอน้ำ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จะช่วยปรับอากาศให้สดชื่นขึ้น วิธีนี้เหมาะกับคนที่อยากดับกลิ่นห้องน้ำ พร้อมกับสร้างบรรยากาศผ่อนคลายไปพร้อมกัน 7. ใช้เปลือกส้ม มะนาว หรือมะกรูดเปลือกส้ม มะนาว มะกรูด มีกรดธรรมชาติที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและมีกลิ่นหอมสดชื่น สามารถนำเปลือกมาต้มกับน้ำแล้วเทลงท่อเพื่อช่วยดับกลิ่น หรือวางเปลือกผลไม้สดไว้ตามมุมห้อง ใกล้ท่อระบายน้ำหรือโถสุขภัณฑ์ เพื่อดูดซับกลิ่นเหม็นและกระจายความหอม วิธีนี้เป็นวิธีดับกลิ่นในห้องน้ำแบบดั้งเดิมที่ปลอดภัย ประหยัด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 8. ขัดพื้นและผนังห้องน้ำคราบสบู่ คราบไคล ตะไคร่น้ำ และคราบเชื้อราในห้องน้ำ เป็นอีกหนึ่งต้นเหตุที่ทำให้ห้องน้ำเหม็น หากปล่อยไว้นานจะยิ่งกำจัดยาก ควรขัดพื้นและผนังห้องน้ำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อขจัดคราบสกปรกและเชื้อรา นอกจากจะช่วยดับกลิ่นห้องน้ำได้ตรงจุดแล้ว ยังทำให้ห้องน้ำสะอาดและปลอดภัยมากขึ้นด้วย 9. เปลี่ยนถังขยะบ่อย ๆถังขยะในห้องน้ำมักถูกมองข้าม แต่แท้จริงแล้วเป็นแหล่งสะสมกลิ่นชั้นดี การทิ้งกระดาษชำระหรือขยะเปียกคาไว้นาน ๆ จะทำให้เกิดกลิ่นแรงและดึงดูดแมลง ควรเปลี่ยนถุงขยะทุกวันหรือวันเว้นวัน และหมั่นทำความสะอาดถังขยะเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหากลิ่นที่ทำให้ห้องน้ำเหม็นที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกต 10. ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มในถังน้ำชักโครกน้ำยาปรับผ้านุ่มสามารถช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นในห้องน้ำได้ หากห้องน้ำที่บ้านใช้ชักโครก ให้หยดน้ำยาปรับผ้านุ่ม 1-2 หยดลงในถังพักน้ำ เมื่อกดน้ำ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่มจะกระจายออกมาพร้อมกับน้ำ วิธีนี้ไม่เพียงช่วยดับกลิ่นห้องน้ำ แต่ยังทำให้ห้องน้ำมีกลิ่นหอมละมุน รู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่กดน้ำ 11. ใช้สเปรย์ปรับอากาศแบบทำเองหากไม่อยากใช้สเปรย์ปรับอากาศสำเร็จรูปที่มีสารเคมี สามารถทำสเปรย์ปรับอากาศเองได้ง่าย ๆ โดยผสมน้ำสะอาด เบกกิ้งโซดา และน้ำมันหอมระเหยใส่ขวดสเปรย์ เขย่าแล้วฉีดพ่นในห้องน้ำ จะช่วยปรับอากาศให้สดชื่นทันที ถือเป็นวิธีดับกลิ่นห้องน้ำที่ปลอดภัย ใช้ของใกล้ตัว และยังทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ 12. ใช้ต้นไม้ช่วยกำจัดกลิ่นและฟอกอากาศมีต้นไม้หลายพันธุ์ที่ช่วยดับกลิ่นห้องน้ำได้ดี เช่น วาสนา กวักมรกต พลูด่าง และลิ้นมังกร ต้นไม้เหล่านี้ ดูแลง่าย แข็งแรง ไม่ต้องการแสงแดดจัดมาก เลือกต้นที่มีขนาดเหมาะกับห้องน้ำแล้ววางไว้ในจุดต่าง ๆ ต้นไม้จะช่วยดูดซับกลิ่นเหม็น แถมยังช่วยเสริมบรรยากาศภายในห้องน้ำให้ดูสดชื่อีกด้วย ดับกลิ่นห้องน้ำง่าย ๆ ใช้ของใกล้ตัว ได้ผลจริงทั้ง 12 เคล็ดลับในบทความนี้ เป็นคำตอบที่ตรงจุดของคำถามที่หลายคนสงสัยว่าห้องน้ําเหม็นแก้ยังไง ความจริงแล้วปัญหาห้องน้ำเหม็นไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากรู้วิธีจัดการอย่างถูกต้องก็สามารถช่วยดับกลิ่นห้องน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือควรหมั่นทำความสะอาดห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ห้องน้ำสะอาด สดชื่น และน่าใช้งานอยู่ตลอดเวลาหากอยากได้ตัวช่วยทำความสะอาดห้องน้ำที่สะดวกและรวดเร็ว ที่ naradeeSTORE มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำให้เลือกหลากหลาย ช่วยทำความสะอาดและดับกลิ่นห้องน้ำอย่างตรงจุด รวมถึงขจัดปัญหาท่อตัน คราบหินปูน ช่วยให้ห้องน้ำกลับมาสวย สะอาด ปลอดภัย ใช้งานได้อย่างสบายใจ สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่Facebook : https://www.facebook.com/naradee.STORELine : @naradeeTel : 080-804-5445 (ทุกวัน เวลา 11.00 น. - 19.00 น.)
วิธีถูพื้นไม้ให้เงา ขจัดคราบฝังแน่น คืนความสวยงามให้กับพื้นไม้

11 กันยายน 2568

วิธีถูพื้นไม้ให้เงา ขจัดคราบฝังแน่น คืนความสวยงามให้กับพื้นไม้
พื้นไม้ ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของบ้านที่ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป พื้นไม้มักเจอปัญหาคราบสกปรกฝังแน่น ฝุ่น หรือรอยด่างดำที่ทำให้ความสวยงามลดลง หลายคนอาจสงสัยว่ามีวิธีถูพื้นไม้ให้เงาอย่างไรบ้างที่จะช่วยคืนความสวยงามเหมือนใหม่ให้กับพื้นไม้ บทความนี้มีวิธีทําความสะอาดพื้นไม้เก่า ๆ ให้กลับมาสวยใสและเงางามดังเดิม เป็นการดูแลรักษาพื้นไม้ให้อยู่กับบ้านไปนาน ๆ พร้อมกับสร้างบรรยากาศที่ดี และความสบายตาในทุก ๆ ครั้งที่ก้าวเดิน สารบัญบทความปัญหาคราบบนพื้นไม้เกิดจากอะไร?แนะนำวิธีถูพื้นไม้ให้เงางาม กลับมาสวยใสเหมือนใหม่อีกครั้งเคล็ดลับทำให้พื้นไม้เงางาม สวยสะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอดูแลไม้และเฟอร์นิเจอร์ให้เงางามด้วยผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะเลือกวิธีถูพื้นไม้ให้เงาอย่างเหมาะสม เสริมด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาพื้นไม้ที่มีคุณภาพ ปัญหาคราบบนพื้นไม้เกิดจากอะไร?แม้พื้นไม้จะให้ความรู้สึกอบอุ่นและสวยงาม แต่ก็เป็นวัสดุที่บอบบางและสกปรกง่าย หลายครั้งที่คราบสกปรกหรือรอยฝังแน่นไม่สามารถเช็ดออกได้ด้วยการทำความสะอาดทั่วไป ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การทำของเหลวหกใส่แล้วไม่ได้รีบเช็ดออกทันที ความชื้นสะสมจากอากาศ การถูพื้นด้วยผ้าที่เปียกเกินไป การขัดพื้นไม้ด้วยแปรงแข็ง ๆ รวมถึงฝุ่นผงและเศษสิ่งสกปรกที่สะสมจนกลายเป็นคราบฝังแน่นนอกจากนี้คราบสกปรกบนพื้นไม้ยังมีสาเหตุมาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น คราบน้ำมันจากอาหาร คราบรองเท้าที่เหยียบย่ำบ่อย ๆ คราบจากสัตว์เลี้ยง คราบด่างจากสารเคมี การทำความสะอาดที่ผิดวิธี ไปจนถึงแสงแดดที่ส่องมาโดนพื้นไม้ เมื่อใช้ไปนาน ๆ พื้นไม้จึงมีโอกาสสูญเสียความเงางาม มีคราบหม่นหรือรอยด่างที่แก้ไขได้ยาก ดังนั้นการเข้าใจสาเหตุของคราบบนพื้นไม้จึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ ก่อนจะเลือกวิธีถูพื้นไม้ให้เงาและหาวิธีการดูแลรักษาไม้อย่างเหมาะสม เพื่อคืนความสวยงามให้กลับมาเหมือนเดิม แนะนำวิธีถูพื้นไม้ให้เงางาม กลับมาสวยใสเหมือนใหม่อีกครั้งการถูพื้นไม้ให้เงาไม่จำเป็นต้องพึ่งสารเคมีเสมอไป เพราะสามารถนำวัตถุดิบใกล้ตัวในบ้านมาประยุกต์ใช้แทนได้ ลองมาดูวิธีขัดพื้นไม้ให้เงาง่าย ๆ ด้วยของใช้ในครัวกันว่ามีอะไรบ้าง 1. ใช้มันมะกอกกับน้ำส้มสายชูผสมน้ำมันมะกอก 3 ส่วน กับน้ำส้มสายชู 1 ส่วน คนให้เข้ากัน จากนั้นนำผ้าสะอาดชุบน้ำยาที่ได้ไปขัดถูบนพื้นไม้ ส่วนผสมนี้จะช่วยสลายคราบหมองบนพื้นไม้ได้ น้ำมันมะกอกยังทำหน้าที่เคลือบพื้นไม้ ทำให้ดูเงางามขึ้นทันตา เป็นหนึ่งในวิธีขัดไม้ให้เงาที่ปลอดภัย ต้นทุนไม่แพง และได้ผลดี 2. ใช้น้ำมันมะกอกกับมะนาวน้ำมันมะกอกเมื่อผสมกับน้ำมะนาวคั้นสด จะได้ส่วนผสมที่ช่วยลบคราบฝังแน่น เพราะน้ำมะนาวมีความเป็นกรดสูง สามารถกำจัดคราบฝังแน่นได้เป็นอย่างดี และช่วยเพิ่มความเงางามให้กับพื้นไม้ได้ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อีกด้วย เป็นทั้งวิธีขัดพื้นไม้ให้เงา และสร้างบรรยากาศที่สดชื่นไปพร้อมกัน 3. ขจัดคราบไขมันด้วยเกลือทันทีที่พื้นไม้มีคราบมันจากการประกอบอาหาร หรือคราบมันจากเหงื่อไคล ให้โรยเกลือลงบนคราบพอประมาณ ทิ้งไว้สักครู่แล้วใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดออก เกลือจะช่วยดูดซับไขมัน ช่วยถูพื้นให้เงาได้ง่ายขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้คราบนั้นกลายเป็นรอยหมองฝังแน่นบนพื้นไม้ 4. ใช้น้ำอุ่นผสมเบกกิ้งโซดาผสมผงเบกกิ้งโซดากับน้ำอุ่นในอัตราส่วน 1:1 จะได้น้ำเบกกิ้งโซดาเข้มข้น จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำยาแล้วบิดให้หมาด นำมาเช็ดถูหรือขัดที่บริเวณคราบสกปรกบนพื้นไม้ วิธีนี้จะช่วยขจัดคราบสกปรกได้อย่างอ่อนโยน ไม่ทำลายเนื้อไม้ ทั้งยังช่วยคืนความเงางามให้กับพื้นไม้ เป็นวิธีถูพื้นไม้ให้เงาที่ปลอดภัย และใช้ต้นทุนไม่สูง 5. ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำสะอาดหลังจากทำความสะอาดด้วยส่วนผสมสูตรต่าง ๆ แล้ว ควรปิดท้ายด้วยการใช้ผ้าขนหนูสะอาดชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดซ้ำอีกครั้ง เพื่อขจัดคราบสารตกค้าง และป้องกันความเหนียวที่อาจเกิดขึ้น เทคนิคเล็ก ๆ นี้จะช่วยให้พื้นไม้ดูสะอาดเงางามยิ่งขึ้น เคล็ดลับทำให้พื้นไม้เงางาม สวยสะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอการดูแลพื้นไม้ให้สะอาดและเงางามไม่ใช่เรื่องยาก หากใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะช่วยให้พื้นไม้คงความสวยสะอาดเหมือนใหม่ได้ตลอดเวลา นอกจากการเลือกใช้วิธีถูพื้นไม้ให้เงาที่เหมาะสมแล้ว ยังมีเคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้พื้นหม่นหมองหรือเกิดคราบสะสมได้ง่าย ดังนี้เช็ดคราบสกปรกหรือของเหลวที่หกลงบนพื้นทันที เพื่อป้องกันไม่ให้คราบซึมลึกใช้ผ้านุ่มชุบน้ำหมาด ๆ แทนการใช้ผ้าที่เปียกชุ่มในการเช็ดคราบสกปรก เพราะความชื้นที่มากเกินไปอาจทำให้ไม้บวม หรือไม้ขึ้นราได้ ปัดกวาดหรือดูดฝุ่นเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ฝุ่นผงสะสมจนกลายเป็นคราบหมองเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยน เหมาะสำหรับพื้นไม้โดยเฉพาะใช้พรมหรือแผ่นรองในบริเวณที่มีการเดินผ่านบ่อย เพื่อลดการเสียดสี และลดรอยขีดข่วนบนพื้นไม้ขัดพื้นไม้ให้เงาด้วยการใช้น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว ซึ่งน้ำมันเหล่านี้จะช่วยให้ไม้เงางาม และมีความชุ่มชื้น ดูแลไม้และเฟอร์นิเจอร์ให้เงางามด้วยผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะนอกจากการดูแลพื้นไม้ให้สวยเงางามแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ควรดูแลไปพร้อม ๆ กันคือ เฟอร์นิเจอร์ไม้ภายในบ้าน คุณสามารถดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้ด้วย กิลลี่ส์ บีแว็กซ์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้โดยเฉพาะ มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูและให้ความชุ่มชื้นกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ป้องกันผิวไม้จากความแห้งและเพิ่มความสวยงามของลายไม้ตามธรรมชาติ ผลิตจากธรรมชาติ 100% สามารถใช้ได้กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ทุกชนิด และยังใช้บนพื้นผิวที่สัมผัสกับอาหารได้โดยไม่เป็นอันตราย ผลิตภัณฑ์ กิลลี่ส์ บีแว็กซ์ อุดมไปด้วยขี้ผึ้งบริสุทธิ์ ใช้ได้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้ขัดเงาและเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ยังไม่ได้เคลือบ ใช้งานได้กับไม้เนื้ออ่อนและไม้เนื้อแข็งทุกชนิด วิธีใช้ง่าย ๆ เพียงใช้ผ้าสะอาดหรือแปรงทาผลิตภัณฑ์ให้ทั่วพื้นผิวไม้ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นใช้ผ้าหรือถุงมือเช็ดขัดเป็นวงกลมจนเงางามกิลลี่ส์ บีแว็กซ์ จะช่วยฟื้นฟูและช่วยบำรุงไม้ให้ชุ่มชื้น พร้อมกับเคลือบป้องกันไม่ให้ผิวไม้แห้งกรอบ เพิ่มความเงางามของลายไม้ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอม ปลอดภัยต่ออาหาร ทำให้ไม้คงความเงางามและสวยเหมือนใหม่ได้ยาวนาน เลือกวิธีถูพื้นไม้ให้เงาอย่างเหมาะสม เสริมด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาพื้นไม้ที่มีคุณภาพการดูแลพื้นไม้ให้เงางามและสวยเหมือนใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก หากรู้จักเลือกใช้วิธีถูพื้นไม้ให้เงาอย่างเหมาะสม ร่วมกับการบำรุงรักษาและเคลือบเงาพื้นไม้ด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง เช่น กิลลี่ส์ บีแว็กซ์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันไม้แห้งกรอบ และคืนความเงางามตามธรรมชาติให้กับพื้นไม้ ท่านใดที่สนใจ สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ กิลลี่ส์ บีแว็กซ์ ได้ที่ naradeeSTORE อีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ ที่จะคืนความสวยใสและเงางามให้กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ตัวโปรดของคุณสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่Facebook : https://www.facebook.com/naradee.STORELine : @naradeeTel : 080-804-5445 (ทุกวัน เวลา 11.00 น. - 19.00 น.)
ไขวิธีทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราให้เกลี้ยงเกลา

11 กันยายน 2568

ไขวิธีทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราให้เกลี้ยงเกลา
ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณน้ำฝน หรือค่าความชื้นในอากาศที่มากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราในหลาย ๆ บ้าน ซึ่งปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราเป็นปัญหาที่ยุ่งยากมากทีเดียว เพราะนอกจากจะต้องทำความสะอาดคราบเชื้อราบนไม้เหล่านี้แล้ว ยังต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้เชื้อรากลับมาขึ้นซ้ำอีกด้วย สารบัญบทความคราบเชื้อราบนไม้เกิดจากสาเหตุใดวิธีแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราเคล็ดลับการป้องกันไม่ให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราหมดกังวลเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นรา แก้ไขและป้องกันได้ คราบเชื้อราบนไม้เกิดจากสาเหตุใดเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในบ้าน หรือภายในตัวอาคาร มีการผลิตออกมาหลากหลายวัสดุเพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นพลาสติก, หิน, ไม้ หรือปูน สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุประเภทไม้นั้น แม้จะสวยงามแต่ก็ต้องแลกกับการดูแลที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากอาจเกิดปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราได้ หากไม่มีการดูแลอย่างถูกต้องซึ่งการที่เฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นรา เกิดจากความอับชื้นภายในห้อง หรือความชื้นของสิ่งที่อยู่ใกล้เคียง มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝนที่จะเกิดค่าความชื้นในอากาศสูงขึ้นกว่าฤดูกาลอื่น ๆ โดยเฟอร์นิเจอร์ที่พบปัญหาเชื้อราบนไม้ได้บ่อย ๆ ได้แก่ ประตูไม้ขึ้นรา และเชื้อราขึ้นตู้เสื้อผ้า เป็นต้น วิธีแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราหากพบว่าเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นรา ไม่ควรละเลยหรือปล่อยผ่าน เพราะเชื้อราเหล่านี้สามารถปล่อยสปอร์ลอยตามลม และอาจสูดดมเข้าไปจนเกิดปัญหาต่อสุขภาพได้ ดังนั้นเมื่อเจอเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นรา วิธีแก้ปัญหาเชื้อราหรือวิธีกำจัดราบนไม้ จึงเป็นสิ่งแรกที่ควรหาคำตอบและจัดการโดยเร็ว ซึ่งวิธีการดูแลรักษาโต๊ะไม้ หรือวิธีแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราสามารถทำได้ 3 วิธีดังนี้ 1. เช็ดออกด้วยแอลกอฮอล์สำหรับเชื้อราบนไม้ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน หรือเป็นเชื้อราแค่ผิวเผิน ไม่ใช่คราบเชื้อราฝังลึก สามารถแก้ไขหรือทำความสะอาดได้ง่าย ๆ ด้วยการฉีดพ่นแอลกอฮอล์ลงบริเวณที่เกิดเชื้อรา และใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดคราบเชื้อราบนไม้ในบริเวณนั้น ๆ ออกจนหมด 2. ทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชูวิธีกำจัดราบนไม้ด้วยน้ำส้มสายชูนั้นจะต้องนำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำเปล่าเสียก่อน แล้วจึงนำไปฉีดพ่นบริเวณที่เกิดเชื้อราให้ทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำพอหมาด ๆ ก่อนจะเช็ดซ้ำด้วยผ้าแห้งอีกครั้ง 3. กำจัดเชื้อราด้วยน้ำยาซักผ้าขาววิธีกำจัดเชื้อราด้วยน้ำยาซักผ้าขาว จะต้องผสมน้ำยาซักผ้าขาวกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:10 และนำไปฉีดพ่นจุดที่เฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นรา โดยปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที หลังครบเวลาที่กำหนดจึงค่อยเช็ดทำความสะอาดออกด้วยผ้าชุบน้ำพอหมาด ๆ และเช็ดซ้ำด้วยผ้าแห้งอีกครั้ง เคล็ดลับการป้องกันไม่ให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นรา อย่างที่ได้รู้กันไปแล้วว่าเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราได้จากความอับชื้น ซึ่งมักจะเกิดในช่วงฤดูฝนเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ไม้ขึ้นราแล้ว ก็จะช่วยให้เลือกใช้วิธีการป้องกัน หรือหาวิธีการดูแลรักษาไม้ไม่ให้เกิดเชื้อราได้อย่างตรงจุด โดยเคล็ดลับการป้องกันไม้ขึ้นรามีดังนี้ใช้สารดูดความชื้น วางตามจุดอับต่าง ๆ ที่อาจเกิดความชื้น เช่น ซอกมุมภายในตู้เสื้อผ้า ซึ่งเป็นวิธีแก้ตู้ไม้อัดขึ้นราที่ต้นเหตุลดความอับของห้องด้วยการทำให้ห้องมีอากาศถ่ายเท การเปิดหน้าต่างหรือเปิดประตูค้างเอาไว้จะช่วยลดความชื้นภายในห้องได้ดี ทั้งยังช่วยลดกลิ่นอับในห้องได้อีกด้วยล้างทำความสะอาดแอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดโอกาสเกิดเชื้อราที่ช่องแอร์ เพราะถ้าหากช่องแอร์เกิดเชื้อราขึ้น ก็อาจส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราตามไปด้วยจากสปอร์เชื้อราที่มาพร้อมลมแอร์ติดตั้งไฟเพิ่มในจุดที่วางเฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือจุดที่เสี่ยงต่อการอับชื้น เนื่องจากความร้อนจากหลอดไฟสามารถช่วยลดความชื้นในบริเวณนั้น ๆ ได้ใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำทุกครั้งหลังทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ เพื่อไม่ให้เกิดความชื้นที่จะก่อให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราใช้ผลิตภัณฑ์กิลลี่ส์ป้องกันผิวไม้ ซึ่งผลิตภัณฑ์กิลลี่ส์ครีมขัดเงาคาร์นูบาจะสร้างชั้นเคลือบแข็งแรงเงางามที่สามารถช่วยลดการซึมซับน้ำหรือความชื้นไปสะสมในเนื้อไม้อันเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อรา หมดกังวลเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นรา แก้ไขและป้องกันได้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราเป็นปัญหาสุดน่าเบื่อของใครหลาย ๆ คนที่ต้องเจอในฤดูฝนของทุกปี เพราะทั้งความชื้นแฉะของฝนแ ละความอับชื้นของอากาศ ทำให้เกิดเชื้อราบนไม้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการแก้ปัญหาไม้ขึ้นราสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ น้ำส้มสายชู หรือน้ำยาซักผ้าขาวนอกจากการแก้ปัญหาไม้ขึ้นราแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือการป้องกันไม่ให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นรา โดยการป้องกันไม้ขึ้นราจะมีตั้งแต่การใช้สารดูดความชื้น, การถ่ายเทอากาศภายในห้อง, ล้างแอร์อยู่เสมอ, เพิ่มหลอดไฟเฉพาะจุด และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันไม้ได้ดีซึ่ง naradee STORE มีผลิตภัณฑ์ปกป้องไม้อยู่หลายผลิตภัณฑ์ ทั้งผลิตภัณฑ์ กิลลี่ส์ครีมขัดเงาคาร์นูบา และผลิตภัณฑ์กิลลี่ส์ ออเร้นจ์ ออยล์ ที่สามารถช่วยทำความสะอาดและฟื้นฟูเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่พื้นผิวไม่ได้ขัดเงาให้เงางามเหมือนใหม่หากสนใจผลิตภัณฑ์จาก naradee STORE สามารถติดต่อได้ที่Facebook : https://www.facebook.com/naradee.STORELine : @naradeeTel : 080-804-5445 (ทุกวัน เวลา 11.00 น. - 19.00 น.)
วิธีขจัดคราบฝังลึกกระเบื้องแบบมืออาชีพที่ทำเองได้ไม่ยาก

11 กันยายน 2568

วิธีขจัดคราบฝังลึกกระเบื้องแบบมืออาชีพที่ทำเองได้ไม่ยาก
ปัญหาพื้นกระเบื้องเป็นคราบฝังแน่นจนขัดไม่ออก ถือเป็นเรื่องกวนใจที่ทำให้บ้านดูหมอง และยากต่อการทำความสะอาด บทความนี้จึงรวบรวม 7 วิธีขจัดคราบฝังลึกกระเบื้อง พร้อมขั้นตอนและเคล็ดลับที่จะช่วยคืนความเงางามให้พื้นกระเบื้อง ลดคราบสกปรกฝังแน่น และป้องกันการสะสมของเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารบัญบทความคราบกระเบื้องเกิดจากอะไร? รู้ต้นตอเพื่อการแก้ไขที่ถูกจุดวิธีแก้ปัญหากระเบื้องสกปรก และวิธีขจัดคราบฝังลึกกระเบื้องให้กลับมาเงางามเคล็ดลับวิธีขจัดคราบกระเบื้องฝังลึกจากเชื้อราและความชื้นวิธีขจัดคราบฝังลึกกระเบื้องหลากหลายวิธีที่มีให้เลือกใช้และได้ผลจริง! คราบกระเบื้องเกิดจากอะไร? รู้ต้นตอเพื่อการแก้ไขที่ถูกจุดคราบกระเบื้องมักเกิดจากความชื้นสะสมและคราบสารเคมีต่าง ๆ ที่ตกค้างบนพื้นผิว โดยเฉพาะจุดที่มีเชื้อราในห้องน้ำ ซึ่งสามารถทำให้พื้นห้องน้ำเป็นคราบดําขัดไม่ออกได้ นอกจากนี้ กระเบื้องปูพื้นครัวที่สัมผัสน้ำมันและคราบอาหารเป็นประจำก็มีโอกาสเกิดคราบสะสมสูง การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอและเลือกใช้วิธีขจัดคราบบนพื้นกระเบื้องที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสะอาดของพื้นบ้าน วิธีแก้ปัญหากระเบื้องสกปรก และวิธีขจัดคราบฝังลึกกระเบื้องให้กลับมาเงางามคราบฝังลึกบนพื้นกระเบื้องเป็นปัญหาที่ทำให้พื้นดูหมองและไม่สะอาด แม้จะพยายามขัดออกหลายครั้งก็ยังคงหลงเหลืออยู่ การแก้ไขจำเป็นต้องใช้วิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งสามารถทำได้ 7 วิธี ดังนี้ 1. บีบมะนาวลงบนจุดที่สกปรกหนึ่งในวิธีขจัดคราบฝังลึกกระเบื้องที่ได้ผลดีคือการใช้มะนาว เพราะกรดอ่อนในมะนาวสามารถสลายคราบฝังแน่น เพียงบีบน้ำมะนาวลงบนจุดที่สกปรกแล้วทิ้งไว้สักพัก ก่อนจะใช้แปรงขัดจนสิ่งสกปรกหลุดออก และล้างด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้ยังสามารถใช้เป็นวิธีขจัดคราบหินปูนบนกระเบื้องได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยขัดกระเบื้องให้เงา โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ 2. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและสะดวกในการจัดการคราบสกปรก โดยเฉพาะกรณีที่พื้นกระเบื้องเป็นคราบเหลืองจากการสะสมของไขมัน สบู่ หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ โดยให้เลือกน้ำยาที่เหมาะกับประเภทของคราบและชนิดของกระเบื้อง เช่น เอชจี เอ็กซ์ พาว คลีนเนอร์ ที่ช่วยขจัดคราบสกปรกฝังแน่นบนกระเบื้องพื้น แผ่นหิน และหินธรรมชาติทุกประเภท อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการลอกชั้นเคลือบป้องกัน (แวกซ์/โพลิช) บนพื้นกระเบื้องทุกชนิด โดยราดลงบนบริเวณที่ต้องการทำความสะอาด แล้วปล่อยให้สารทำความสะอาดออกฤทธิ์เป็นระยะเวลาตามที่ระบุในคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ แล้วจึงใช้แปรงหรือฟองน้ำขัดเบา ๆ ที่บริเวณพื้น 3. ราดด้วยน้ำส้มสายชูน้ำส้มสายชูเป็นเครื่องปรุงที่มีในครัวเรือนทั่วไป และเป็นตัวช่วยที่ดีในการแก้ปัญหาคราบสกปรกฝังลึก ด้วยคุณสมบัติของกรดอะซิติกทำให้สามารถทำลายโครงสร้างของคราบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิธีขจัดคราบบนกระเบื้องด้วยน้ำส้มสายชูนั้น เพียงแค่ราดลงบนพื้นที่ที่มีคราบสกปรก ทิ้งไว้เล็กน้อย แล้วใช้ฟองน้ำเช็ดและล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซึ่งความเป็นกรดอ่อนของน้ำส้มสายชูจะช่วยละลายคราบโดยไม่ทำลายผิวกระเบื้อง จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่าย 4. ใช้ยาสีฟันเป็นตัวช่วยขจัดคราบยาสีฟันมีคุณสมบัติที่หลายคนอาจไม่เคยนึกถึง ด้วยส่วนผสมที่มีสารขัดสีขาวและฟลูออไรด์ จึงกำจัดคราบได้อย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพ โดยให้บีบยาสีฟันลงตรงที่มีคราบฝังแน่น และใช้แปรงขัดเป็นวงกลมเบา ๆ เพื่อให้สารในยาสีฟันทำงาน ซึ่งวิธีขจัดคราบหินปูนบนกระเบื้องแบบนี้จะช่วยให้ตะกอนและคราบค่อย ๆ หลุดออกมา นอกจากนี้ยังปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวด้วย 5. กำจัดคราบด้วยสารฟอกขาวการกำจัดคราบฝังลึกด้วยสารฟอกขาว เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยคืนความสะอาดให้กระเบื้องได้อย่างเห็นผล เริ่มจากผสมสารฟอกขาวกับน้ำอุ่นใส่ลงในขวดสเปรย์ จากนั้นฉีดให้ทั่วบริเวณที่มีคราบหรือร่องยาแนวที่หมองทิ้งไว้แล้วใช้แปรงขัด หลังเสร็จแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซึ่งจะช่วยขจัดคราบ และยังเป็นวิธีขัดพื้นกระเบื้องให้เงาอย่างเป็นธรรมชาติ 6. ใช้น้ำยาล้างจานกำจัดเชื้อโรคน้ำยาล้างจานเป็นอาวุธลับที่มีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อโรค ด้วยสูตรที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดไขมันและสิ่งสกปรก จึงสามารถทำลายแบคทีเรียและเชื้อราได้ โดยเฉพาะบ้านที่กระเบื้องห้องน้ำเป็นคราบเหลืองจากการสะสมของสบู่ แชมพู และครีมบำรุงต่าง ๆ ที่ผสมกับความชื้น จนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรค โดยให้ใช้น้ำยาล้างจานผสมกับน้ำอุ่น แล้วใช้ฟองน้ำขัดจนสะอาด ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซึ่งเป็นวิธีล้างห้องน้ำที่ได้ผลเป็นอย่างดี 7. เทน้ำอัดลมลงบนคราบหลายคนอาจไม่คาดคิดว่าน้ำอัดลมจะสามารถนำมาใช้เป็นวิธีขจัดคราบฝังลึกกระเบื้องได้ โดยความเป็นกรดอ่อน ๆ ในน้ำอัดลมจะช่วยละลายคราบสบู่ และคราบสิ่งสกปรกที่เกาะแน่นโดยเฉพาะบริเวณห้องน้ำ ซึ่งวิธีการก็เพียงแค่เทน้ำอัดลมลงบนคราบ ทิ้งไว้ให้ทำปฏิกิริยาสักระยะ ก่อนใช้แปรงขัดแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็จะได้พื้นกระเบื้องที่สะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เคล็ดลับวิธีขจัดคราบกระเบื้องฝังลึกจากเชื้อราและความชื้นเคล็ดลับในการป้องกันคราบกระเบื้องฝังลึกต้องเริ่มจากการทำความสะอาดพื้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้คราบน้ำหรือคราบอาหารตกค้างนาน ควรใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนเช็ดพื้น หมั่นขัดร่องยาแนวเพื่อป้องกันเชื้อราและคราบสะสม รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรงที่อาจทำลายผิวกระเบื้อง เพื่อรักษาความเงางามและลดโอกาสเกิดคราบฝังแน่นในระยะยาว วิธีขจัดคราบฝังลึกกระเบื้องหลากหลายวิธีที่มีให้เลือกใช้และได้ผลจริง!วิธีขจัดคราบฝังลึกกระเบื้องสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ของที่มีติดบ้านทั่วไปอย่างมะนาว เบกกิ้งโซดา หรือน้ำส้มสายชู ไปจนถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับคราบประเภทต่าง ๆ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม และสำหรับใครที่ต้องการความสะดวกและมั่นใจได้ในคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ HG จากประเทศเนเธอร์แลนด์ คือสินค้าที่ได้รับการยอมรับในกว่า 45 ประเทศ และมีวางจำหน่ายแล้วที่ naradeeSTORE ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการทำความสะอาดได้อย่างมั่นใจ โดยสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่Facebook : https://www.facebook.com/naradee.STORELine : @naradeeTel : 080-804-5445 (ทุกวัน เวลา 11.00 น. - 19.00 น.)
แจกเคล็ดลับ "ล้างเครื่องซักผ้า" ให้ล้ำลึก แบบไม่ต้องนึกถึงช่างไปอีกนาน

27 สิงหาคม 2568

แจกเคล็ดลับ "ล้างเครื่องซักผ้า" ให้ล้ำลึก แบบไม่ต้องนึกถึงช่างไปอีกนาน
เครื่องซักผ้าที่ไม่ได้ดูแลความสะอาดให้ดีมักก่อให้เกิดปัญหาได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคราบสารเคมีตกค้าง คราบเมือก สิ่งสกปรก หรือเศษตะกอน ที่ทำให้ผ้าเหม็นอับ อีกทั้งหากปล่อยไว้นาน ล้างเครื่องซักผ้าได้ไม่สะอาดพอ ก็อาจก่อให้เกิดเป็นคราบหนักสะสมอยู่ตามจุดต่าง ๆ กลายเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ชำรุดเสียหาย และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องลดลงด้วยเหตุนี้ การล้างเครื่องซักผ้าและดูแลชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในอย่างถูกวิธี ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาด โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับวัสดุภายใน ควบคู่ไปกับโปรแกรมการล้างถังซักเป็นประจำ ย่อมช่วยให้คุณพร้อมใช้งานเครื่องซักผ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุก ๆ ครั้งอย่างไร้ความกังวล สารบัญบทความไขข้อสงสัย ควรตัดสินใจล้างเครื่องซักผ้าตอนไหนดี?ล้างเครื่องซักผ้ามีประโยชน์อย่างไร?10 เทคนิคล้างเครื่องซักผ้าด้วยตัวเอง ให้สะอาดเกลี้ยงฉบับมืออาชีพขั้นตอนล้างเครื่องซักผ้าด้านนอกให้สะอาด ไม่กลายเป็นแหล่งหมักหมมของสิ่งสกปรกแนะนำวิธีล้างถังเครื่องซักผ้าเร่งด่วน ไม่เปลืองแรงผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องซักผ้า ถนอมเครื่องซัก ให้สะอาดดูดีเหมือนใหม่ล้างเครื่องซักผ้า ให้ผ้าหอมสะอาด ไร้กลิ่นอับ พร้อมยืดอายุการใช้งาน ไขข้อสงสัย ควรล้างเครื่องซักผ้าตอนไหนดี?สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรล้างเครื่องซักผ้าแล้วนั้น อาจเริ่มสังเกตจากเสื้อผ้าที่ผ่านการซักมาแล้วแต่มีกลิ่นอับ หรือเศษสกปรกติดตามผ้า สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเครื่องซักผ้าสกปรกและควรล้างเครื่องซักผ้าแล้ว หรือหากต้องการให้เครื่องซักผ้าสะอาดอยู่เสมอก็สามารถทำความสะอาดเดือนละครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและคราบฝังแน่นที่อาจทำให้เครื่องซักผ้าสกปรก และมีอายุการใช้งานที่ลดลง ล้างเครื่องซักผ้ามีประโยชน์อย่างไร?เครื่องซักผ้าจะทำความสะอาดผ้าโดยการปั่นให้สิ่งสกปรกตามเนื้อผ้าหลุดออกมา โดยมีผงซักฟอกเป็นสารชะล้างให้สิ่งสกปรกหลุดออกง่ายขึ้น ซึ่งสิ่งสกปรกเหล่านี้เองที่อาจสะสมอยู่ภายในเครื่องซักผ้า เป็นสาเหตุที่ทำให้ประสิทธิภาพการซักลดลง การล้างเครื่องซักผ้าจึงมีความสำคัญและประโยชน์ดังนี้ช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกในถังซักที่มาจากการซักผ้า ไม่ว่าจะเป็นเศษฝุ่น คราบไขมัน คราบผงซักฟอกต่าง ๆ ฯลฯลดการสะสมและการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็นอับ ช่วยให้เสื้อผ้าหลังซักมีความสะอาดมากขึ้น ผ้าหอมไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า 10 เทคนิคล้างเครื่องซักผ้าด้วยตัวเอง ให้สะอาดเกลี้ยงฉบับมืออาชีพรวมทริก 10 วิธีล้างเครื่องซักผ้าด้วยตัวเอง ให้ถังซักสะอาด ผ้าหอมไร้กลิ่นอับแบบไม่ต้องจ้างช่างบ่อย ๆ สามารถนำไปใช้ทั้งกับเครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบน 1. ล้างถังซักผ้าด้วยผงซักฟอกวิธีทําความสะอาดเครื่องซักผ้าที่ง่าย ไม่ต้องหาซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพิ่ม ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก สามารถทำได้เพียงแค่การใช้ผงซักฟอกเทลงถังซัก จากนั้นตั้งโปรแกรมซักแบบน้ำเต็มถัง ปล่อยให้เครื่องทำงานโดยไม่ต้องใส่ผ้าเข้ามา เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เครื่องซักผ้าสะอาดลดกลิ่นอับได้ไม่ยาก ทั้งนี้การใช้ผงซักฟอกอาจเป็นวิธีล้างเครื่องซักผ้าที่ใช้ได้ชั่วคราว ควรใช้วิธีอื่น ๆ ในการทำความสะอาดถังซักเพื่อขจัดคราบผงซักฟอกสะสมด้วย 2. ล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาทำความสะอาดเครื่องซักผ้าสำเร็จรูปใครที่อยากให้ถังซักผ้าสะอาดอย่างมั่นใจ แต่ยังไม่สะดวกเรียกช่างมาล้างให้ ไม่รู้จะใช้อะไรล้างเครื่องซักผ้าดี แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะ ช่วยขจัดสิ่งสกปรกสะสม คราบฝังแน่น คราบผงซักฟอก ซึ่งเป็นสาเหตุของการซักที่ไม่สะอาด เพียงแค่เทผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าลงในช่องผงซักฟอกโดยไม่ใส่ผลิตภัณฑ์อื่นลงไป จากนั้นตั้งอุณหภูมิน้ำอุ่น (ประมาณ 60 องศาเซลเซียส) ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิที่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด และเปิดให้เครื่องทำงานจนจบกระบวนการ ก็สามารถคืนชีพให้เครื่องซักผ้ากลับมาสะอาดเหมือนใหม่ได้แล้ว 3. ล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเครื่องซักผ้าที่ใช้งานเป็นเวลานานย่อมมีการสะสมของเชื้อโรค ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผ้าไม่สะอาด มีกลิ่นอับ การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดเครื่องซักผ้าก็เป็นอีกวิธีล้างเครื่องซักผ้าที่ช่วยกำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทำได้โดยการใส่น้ำยาฆ่าเชื้อลงในถังซัก จากนั้นตั้งโปรแกรมซักแบบน้ำเต็มถัง หลังจากจบโปรแกรมให้ทำการล้างถังด้วยน้ำสะอาดอีกรอบ เพื่อเป็นการชะล้างสิ่งสกปรกและน้ำยาฆ่าเชื้อที่เหลือค้างอยู่อย่างหมดจด 4. ใช้น้ำส้มสายชูล้างเครื่องซักผ้าน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน สามารถขจัดคราบหินปูน คราบตะกรันที่สะสมจากการใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำส้มสายชูสามารถทำได้โดยการเทน้ำส้มสายชูลงในช่องใส่ผงซักฟอก จากนั้นเลือกโปรแกรมซักน้ำร้อนเต็มถัง ปั่นประมาณ 3-4 นาทีแล้วหยุดพักเครื่องประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำส้มสายชูออกฤทธิ์ขจัดคราบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนจะปล่อยน้ำทิ้ง และล้างเครื่องด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งเพื่อชะล้างคราบที่หลงเหลือ และกลิ่นน้ำส้มสายชูออกจากเครื่องซักผ้า 5. ล้างเครื่องซักผ้าด้วยเบกกิ้งโซดาเบกกิ้งโซดามีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน สามารถขจัดคราบฝังแน่นให้หลุดออกง่ายขึ้น ในกรณีล้างเครื่องซักผ้าฝาบน สามารถเปิดโปรแกรมซักน้ำเต็มถังก่อนเทเบกกิ้งโซดาลงไป และกรณีล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้าสามารถเทเบกกิ้งโซดาในช่องผงซักฟอก จากนั้นเปิดให้น้ำชะล้างเบกกิ้งโซดาจากช่องผงซักฟอกเข้าถังซัก ก่อนจะกดโหมดปั่นให้เบกกิ้งโซดาละลาย พักเครื่องทิ้งไว้หนึ่งคืนแล้วจึงปล่อยน้ำทิ้ง 6. ล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา อีกหนึ่งวิธีขจัดคราบฝังลึกที่ได้ผลดี คือการใช้น้ำส้มสายชูร่วมกับเบกกิ้งโซดาในการทำความสะอาดเครื่องซักผ้า เพียงละลายเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่าแล้วเทลงในถังซัก ตามด้วยน้ำส้มสายชู จากนั้นตั้งโปรแกรมซักด้วยน้ำเปล่าตามปกติ เมื่อเสร็จแล้วให้ล้างถังซักอีกครั้งด้วยน้ำเปล่า เพื่อชะล้างคราบสกปรกออกให้หมดจด 7. น้ำยาฟอกขาว ขจัดคราบฝังลึก พร้อมกำจัดเชื้อโรคหากเครื่องซักผ้าสกปรกมาก สามารถใช้น้ำยาฟอกขาวล้างเครื่องซักผ้าได้ โดยให้ผสมน้ำยาฟอกขาวกับน้ำเปล่าในถังซัก แช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนปล่อยน้ำทิ้ง และล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีก 1-2 รอบ เพื่อล้างน้ำยาฟอกขาวออกจากเครื่องให้หมด ทั้งนี้ไม่ควรแช่น้ำยาฟอกขาวเป็นเวลานานเพราะมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ซึ่งอาจทำให้อะไหล่ในเครื่องซักผ้าเสียหายได้ 8. ล้างถังซักด้วยแอมโมเนียแอมโมเนียมีฤทธิ์ในการขจัดคราบตะกรันในถังซักผ้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีการล้างเครื่องซักผ้าด้วยแอมโมเนียก็ไม่ต่างจากการใช้น้ำยาฟอกขาวหรือน้ำส้มสายชู โดยให้เทแอมโมเนียลงในถังซักที่มีน้ำอยู่เต็มถัง จากนั้นปั่นให้แอมโมเนียละลายจนเป็นเนื้อเดียวกันก่อนจะหยุดพักเครื่องประมาณ 30 นาที แล้วเปิดเครื่องให้ทำงานต่อจนจบโปรแกรม และล้างเครื่องด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งเพื่อชะล้างแอมโมเนียที่อาจตกค้าง 9. ใช้ดีเกลือฝรั่งล้างเครื่องซักผ้าใครที่กังวลเรื่องสารเคมีตกค้าง หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์หลังจากทำความสะอาดเครื่องซักผ้า ดีเกลือฝรั่งเป็นอีกทางเลือกใช้ล้างเครื่องซักผ้าได้ดี ทั้งละลายน้ำง่าย ไม่ทิ้งกลิ่นฉุน และไม่เป็นสารตกค้าง ซึ่งสามารถล้างเครื่องซักผ้าได้โดยเทดีเกลือฝรั่งลงในถังซัก ตามด้วยน้ำส้มสายชู จากนั้นให้เครื่องทำงาน ปั่นจนดีเกลือฝรั่งละลายแล้วหยุดพักเครื่อง แช่ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงก่อนปล่อยน้ำออก และล้างเครื่องด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง 10. ล้างเครื่องซักผ้าด้วยกรดมะนาวกรดมะนาวสามารถกำจัดคราบหินปูนสะสมในเครื่องซักผ้าได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ทำความสะอาดได้โดยการนำน้ำมะนาวผสมกับน้ำร้อน ก่อนจะเทลงเครื่องซักผ้าแล้วตั้งโปรแกรมซักน้ำร้อน ปล่อยให้เครื่องทำงานจนจบก็สามารถทำให้ถังซักผ้าดูสะอาดขึ้นได้ ขั้นตอนล้างเครื่องซักผ้าด้านนอกให้สะอาด ไม่กลายเป็นแหล่งหมักหมมของสิ่งสกปรกนอกจากจะต้องล้างเครื่องซักผ้าด้านในแล้ว การทำความสะอาดด้านนอกถังเครื่องซักผ้าและส่วนอื่น ๆ ของเครื่องซักผ้าก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งสามารถทำความสะอาดตามจุดต่าง ๆ รอบนอกถังซักได้ดังนี้ 1. ทำความสะอาดช่องใส่น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่มบริเวณช่องใส่น้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นจุดที่มักเกิดการสะสมของน้ำยาเหล่านี้ ที่หากปล่อยให้เกิดการหมักหมมอาจทำให้เกิดคราบสกปรก และทำให้เสื้อผ้าหลังซักไม่สะอาดได้ จึงควรถอดออกมาทำความสะอาดบ่อย ๆ หรือหากถอดออกมาไม่ได้ควรใช้แปรงขัดภายในช่องเบา ๆ จนไม่หลงเหลือคราบ 2. เช็ดทำความสะอาดซีลฝาเครื่องที่ฝาเครื่องซักผ้าจะมีซีลยางเพื่อป้องกันน้ำไหลออก ซึ่งบริเวณนี้มักจะกลายเป็นแหล่งสะสมของคราบน้ำ คราบน้ำยาซักผ้า รวมถึงสิ่งสกปรกอื่น ๆ จึงควรเช็ดทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้งานด้วยผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง 3. ถอดถังเครื่องออกมาล้าง แม้ว่าการทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะช่วยให้ถังด้านในสะอาด แต่ส่วนที่หลายคนอาจละเลยคือถังด้านนอก ที่มักจะเกิดการอุดตันจากสิ่งสกปรก ทำให้เครื่องซักผ้าไม่สามารถปั่นน้ำออกจากผ้าได้ดี ดังนั้นควรถอดถังซักผ้าเพื่อทำความสะอาดบ้าง ป้องกันไม่ให้เกิดคราบฝังลึกจนทำความสะอาดยากในภายหลัง 4. ถอดไส้กรองหรือตัวกรองปั๊มออกมาทำความสะอาดบ่อย ๆ เศษฝุ่น เส้นผม และสิ่งสกปรกขนาดใหญ่มักจะไปกองรวมกันที่ไส้กรอง ดังนั้นจึงควรถอดไส้กรองออกมาทำความสะอาดอยู่เสมอ โดยสามารถถอดไส้กรองหรือตัวกรองปั๊มออกจากเครื่องจากมุมซ้ายล่างของเครื่องสำหรับเครื่องฝาหน้า หรือจุดกึ่งกลางของถังเครื่องสำหรับเครื่องฝาบนมาล้างและขัดเอาเศษสกปรกออก ทิ้งไว้ให้แห้งก่อนนำใส่กลับเข้าที่เดิม 5. เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องภายนอก เพื่อให้เครื่องซักผ้าดูสะอาดเหมือนใหม่ สามารถเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำและฝุ่นที่ติดกับตัวเครื่องได้ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำเปล่าเช็ดรอบ ๆ ไม่ใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน แล้วปล่อยหรือเช็ดให้แห้ง แนะนำวิธีล้างถังเครื่องซักผ้าเร่งด่วน ไม่เปลืองแรงการล้างเครื่องซักผ้าอยู่เสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับเครื่องซักผ้า พร้อมยังทำให้ประสิทธิภาพการซักดี เสื้อผ้าสะอาด หมดปัญหาเสื้อเหม็นอับ ซึ่งวิธีล้างถังซักที่ง่าย สะดวก และช่วยให้ถังซักสะอาดมีดังนี้ 1. ใช้โหมดล้างถังเครื่องซักผ้าเครื่องซักผ้าบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นใหม่ ๆ มักจะมีโหมดล้างถังเครื่องซักผ้ามาให้ด้วย ซึ่งโหมดนี้เป็นวิธีทำความสะอาดเครื่องซักผ้าง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้บ่อย ๆ เพียงแค่เลือกโหมดล้างเครื่องซักผ้า จากนั้นปล่อยให้เครื่องทำงานล้างถังซักโดยไม่ใส่ผ้าเข้าไป ก็สามารถช่วยล้างคราบผงซักฟอกที่คั่งค้างอยู่ได้ ทั้งนี้การใช้โหมดล้างถังเครื่องซักผ้าเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถล้างถังซักผ้าได้อย่างสะอาดหมดจด ดังนั้นควรทำความสะอาดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย 2. ใช้บริการล้างเครื่องซักผ้าโดยช่างมืออาชีพ ช่างทำความสะอาดเครื่องซักผ้ามืออาชีพจะมีการแยกชิ้นส่วนถังเครื่องซักผ้าและองค์ประกอบอื่น ๆ ออกมาทำความสะอาดแบบทุกซอกทุกมุม ทำให้กำจัดชะล้างสิ่งสกปรกสะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบการทำงานและซ่อมบำรุงเครื่องซักผ้าไปได้ในคราวเดียว ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องซักผ้า ถนอมเครื่องซัก ให้สะอาดดูดีเหมือนใหม่เครื่องซักผ้าควรหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอเพื่อประสิทธิภาพในการซักที่ดีเยี่ยมและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดย HG มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องซักผ้า 2 ชนิดที่ครอบคลุมทุกจุดประสงค์การใช้งาน ไม่ว่าจะเรื่องความสะอาด กลิ่น
 รวมไปถึงการช่วยให้เครื่องซักผ้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในระยะยาวลดปัญหากลิ่นเหม็นอับในเครื่องซักผ้าที่มาจากคราบเมือกสกปรก, คราบผงซักฟอก (ทั้งชนิดผงและชนิดน้ำ) ที่ตกค้างอยู่ในระบบท่อ, ตัวกรอง หรือซีลยาง ช่วยขจัดคราบไขมัน คราบตะกรัน หรือเศษตะกอนต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพให้ถังซักผ้าสะอาด กลิ่นหอมสดชื่นเหมาะสำหรับการทำความสะอาดประจำเดือน (4 สัปดาห์/1 ครั้ง) ใช้งานได้ 5 ครั้งมีคุณสมบัติการขจัดคราบหนักสะสม ทั้งคราบหินปูน, ตะกรัน, คราบเมือก หรือแบคทีเรียต่าง ๆ ที่ส่งผลทำให้เครื่องซักมีปัญหาช่วยป้องกันชิ้นส่วนต่าง ๆ ไม่ให้เกิดการสึกหรอก่อนเวลาอันควร และช่วยยืดอายุการใช้งาน ให้เครื่องซักผ้าสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมาะสำหรับการล้างเครื่องครั้งใหญ่ให้สะอาดหมดจด (3 เดือน/1 ครั้ง) ล้างเครื่องซักผ้า ให้ผ้าหอมสะอาด ไร้กลิ่นอับ พร้อมยืดอายุการใช้งานแม้ว่าเครื่องซักผ้าจะมีหน้าที่ทำความสะอาดเสื้อผ้า แต่ตัวเครื่องซักผ้าเองก็จำเป็นต้องได้รับการดูแลให้สะอาด เพื่อให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธี สำหรับใครที่ต้องการให้เครื่องซักผ้าสะอาดหมดจด แต่ยังไม่สะดวกจ้างช่างมาล้างเครื่อง ขอแนะนำน้ำยาและผงล้างเครื่องซักผ้าจากแบรนด์ HG ที่ช่วยขจัดคราบและกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าได้อีกด้วย เพราะ HG ใช้แล้ว ใช่เลย สามารถสั่งซื้อได้ที่ naradeeSTORE และช่องทาง Shopee Mall คลิกเลย ผงล้างเครื่องซักผ้า HG SERVICE ENGINEER: https://th.shp.ee/EighogXน้ำยาล้างเครื่องซักผ้า HG Washing machine cleaner : https://th.shp.ee/QEHuwUVสนใจสินค้าคุณภาพจาก naradeeSTORE สามารถสั่งซื้อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่Facebook : naradee STOREShopee: Naradee StoreLazada: Naradee StoreLine : @naradeeTel : 080-804-5445 (ทุกวัน เวลา 11.00 น. - 19.00 น.)
ท่อตัน สาเหตุเกิดจากอะไร พร้อมวิธีแก้ไขง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

5 สิงหาคม 2568

ท่อตัน สาเหตุเกิดจากอะไร พร้อมวิธีแก้ไขง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
ท่อตัน น้ำระบายไม่ลง หรือน้ำไหลช้าผิดปกติ เป็นปัญหากวนใจที่หลายครัวเรือนต้องเผชิญ แต่รู้ไหมว่าการแก้ปัญหานี้ไม่จำเป็นต้องเรียกช่างทุกครั้ง เพราะเราสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นท่อระบายน้ำในห้องน้ำ หรือท่อน้ำทิ้งจากอ่างล้างจานในครัวNaradee ขอแนะนำเคล็ดลับการแก้ปัญหาท่อตันแบบง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้ พร้อมแนะนำวิธีใช้ของใช้ในบ้านที่มีอยู่แล้วมาเป็นอุปกรณ์ช่วยเปิดทางน้ำให้กลับมาไหลสะดวกอีกครั้ง ลองทำตามกันได้เลย แล้วคุณจะรู้ว่าการแก้ท่อตันไม่ยากอย่างที่คิด สารบัญบทความท่อตันปัญหาสิ่งสกปรกสะสม เกิดจากอะไร?12 วิธีแก้ไขปัญหาท่อตัน ทำตามได้ไม่ยากท่อตัน แก้ได้ง่าย ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ขจัดท่ออุดตัน HG liquid drain unblocker ท่อตันปัญหาสิ่งสกปรกสะสม เกิดจากอะไร?ในหลายครัวเรือนที่พบปัญหาท่อตันไม่สามารถระบายน้ำได้ ซึ่งสาเหตุเกิดจากการสะสมของสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกทิ้งลงไปในท่อระบายน้ำ โดยเฉพาะไขมันจากการทำอาหารเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ท่อน้ำตัน เพราะคราบไขมันเมื่อเย็นตัวแล้วจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง รวมถึงเส้นผมที่หลุดร่วงตอนอาบน้ำ เศษอาหารจากการล้างจาน และคราบสบู่ก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ท่อน้ำทิ้งตันได้เช่นกันนอกจากนี้ การทิ้งกระดาษชำระ สำลี หรือผ้าอนามัยลงในโถสุขภัณฑ์เป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถย่อยสลายได้ง่าย และก่อให้เกิดการอุดตัน รวมถึงการใช้น้ำยาดับกลิ่นห้องน้ำที่มีส่วนผสมของสารเคมีเข้มข้นบางชนิดก็อาจทำให้เกิดการตกตะกอนในท่อระบายจนทำให้ท่อตันนั่นเอง 12 วิธีแก้ไขปัญหาท่อตัน ทำตามได้ไม่ยากเมื่อเจอปัญหาท่อตันในบ้าน หลายคนมักนึกถึงการเรียกช่างเป็นอันดับแรก แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามีวิธีแก้ไขท่อตันง่าย ๆ ที่สามารถทำได้เองโดยไม่ต้องเสียเงินเรียกช่าง โดยขอแนะนำ 12 วิธีแก้ท่อตันด้วยตัวเอง ดังนี้ 1. ไม้ดูดสุญญากาศเมื่อเจอปัญหาท่อตันที่ไม่รุนแรงมากนัก ไม้ดูดสุญญากาศคือตัวช่วยอันดับหนึ่งที่ควรลอง โดยวิธีใช้งานไม่ยาก เพียงทาปิโตรเลียมเจลที่หัวปั๊มยางเพื่อให้เกิดการปิดผนึกกับปากท่อ จากนั้นใช้แรงปั๊มขึ้นลงประมาณ 6-10 ครั้ง แรงดูดที่เกิดขึ้นจะช่วยดึงสิ่งอุดตันออกมาได้ง่ายขึ้น ถือเป็นวิธีแก้ปัญหาท่อตันที่ได้ผลดีเยี่ยมโดยไม่ต้องใช้สารเคมีใด ๆ เลย 2. งูเหล็กทะลวงท่อท่อตันใช้อะไรดี? งูเหล็กเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำหรับปัญหาท่อตัน อุปกรณ์ชนิดนี้มีลักษณะเป็นสปริงเหล็กยาวที่สามารถสอดเข้าไปในท่อและทะลวงสิ่งกีดขวางได้ โดยวิธีใช้งานให้สอดปลายงูเหล็กเข้าไปในท่อที่มีปัญหา จากนั้นหมุนด้ามจับไปมาให้ปลายสปริงไปเกี่ยวสิ่งอุดตัน เมื่อรู้สึกว่าเกี่ยวติดสิ่งอุดตันแล้วให้ค่อย ๆ ดึงออกมา แล้วจึงเปิดน้ำไหลผ่านท่อเพื่อชะล้างเศษสิ่งสกปรกที่หลงเหลืออยู่ 3. ไม้แขวนเสื้อหากท่อตันแก้ยังไงก็ไม่ได้ผล และไม่มีอุปกรณ์เฉพาะทาง ให้ลองมองหาไม้แขวนเสื้อลวดแล้วนำมาดัดแปลงเป็นเครื่องมือช่วยเหลือ มีวิธีทำคือ คลายไม้แขวนเสื้อให้เป็นเส้นลวดยาว งอปลายด้านหนึ่งให้เป็นรูปตะขอ แล้วสอดเข้าไปในท่อเพื่อเกี่ยวดึงเศษผม เศษขยะ หรือสิ่งอุดตันออกมา  4. โซดาไฟถ้าหากท่อตันทำยังไงก็ไม่หาย อาจถึงเวลาต้องใช้วิธีที่แรงขึ้น โดยเลือกโซดาไฟซึ่งเป็นสารเคมีที่มีประสิทธิภาพสูงในการล้างท่อตัน เหมาะกับปัญหาท่อตันที่มีการสะสมของไขมันและสิ่งสกปรก วิธีใช้ให้ ผสมโซดาไฟ 50-100 กรัมกับน้ำ 0.5 ลิตร คนให้เข้ากันแล้วเทลงในท่อที่มีปัญหา ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วเทน้ำร้อนตามลงไป ข้อควรระวังในการใช้คือโซดาไฟเป็นสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ควรสวมถุงมือยางและแว่นตาป้องกันทุกครั้งที่ใช้งาน อย่าให้สัมผัสผิวหนัง กระเด็นเข้าดวงตา หรือสูดดม 5. น้ำร้อนการใช้น้ำร้อนละลายไขมันอุดตันในท่อ วิธีแก้ท่อน้ำตันนี้เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือใด ๆ เพียงแค่ต้มน้ำให้เดือดแล้วค่อย ๆ เทลงในท่อที่ที่มีไขมันสิ่งสกปรกอุดตันอยู่ ควรเทน้ำร้อนลงไปช้า ๆ และทำซ้ำ 2-3 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 1-2 นาที ความร้อนจากน้ำจะช่วยละลายไขมัน ทำให้ท่อน้ำไหลสะดวกขึ้น  6. น้ำยาล้างจานและน้ำร้อนท่อน้ำทิ้งในครัวตันนั้น ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากคราบน้ำมันและไขมันจากการปรุงอาหาร วิธีแก้ไขปัญหาท่อตันด้วยวิธีง่าย ๆ สามารถหาได้จากในหัวครัวคือ การใช้น้ำยาล้างจานผสมกับน้ำร้อน โดยเทน้ำยาล้างจานลงในท่อประมาณ 1/4 ถ้วย ตามด้วยน้ำร้อนที่เพิ่งต้มเดือด น้ำยาล้างจานที่มีคุณสมบัติในการขจัดคราบไขมันจะช่วยละลายไขมันในท่อได้ ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับการบำรุงรักษาท่อน้ำทิ้งในครัวเป็นประจำ 7. น้ำส้มสายชูและเกลือห้องน้ำเกิดปัญหาท่อตัน หลายคนเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ ซึ่งบางยี่ห้ออาจมีสารเคมีที่รุนแรงเกินไป ทางเลือกที่ปลอดภัยและดีกว่าคือการผสมน้ำส้มสายชูและเกลือ ให้ใช้เกลือ 1/2 ถ้วย เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย และน้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย ผสมให้เข้ากันแล้วเทลงในท่อที่อุดตัน ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วเทน้ำร้อนตามลงไป ปฏิกิริยาระหว่างส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยขจัดคราบสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี 8. เบกกิ้งโซดาและน้ำร้อนวิธีล้างคราบไขมันในท่อที่ทำได้ง่าย ๆ และปลอดภัย ควรเลือกใช้เบกกิ้งโซดาและตามด้วยน้ำร้อน โดยวิธีการคือให้เทเบกกิ้งโซดาลงไปในท่อที่มีปัญหาประมาณครึ่งถ้วย จากนั้นเทน้ำร้อนที่เพิ่งต้มเดือดลงไป ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจะช่วยขจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกในท่อ หลังจากนั้นให้เปิดน้ำไหลผ่านท่อเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกออกให้หมด เพียงเท่านี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาท่อตันได้ 9. น้ำยาฟอกขาวน้ำยาฟอกขาวมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคและละลายสิ่งอุดตันบางประเภท ซึ่งวิธีใช้คือเทน้ำยาฟอกขาวประมาณ 1 ถ้วยลงบริเวณที่มีปัญหาท่อตัน แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นให้เปิดน้ำไหลผ่านท่อเพื่อชะล้างสิ่งสกปรก วิธีนี้เหมาะสำหรับท่อที่ไม่ได้อุดตันมากเกินไป ก่อนจะใช้วิธีนี้ควรนำสิ่งอุดตันส่วนใหญ่ออกก่อนแล้วจึงใช้น้ำยาฟอกขาวเพื่อทำความสะอาดท่อ 10. น้ำหมักชีวภาพ สำหรับผู้ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม น้ำหมักชีวภาพเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเทน้ำหมักลงที่บริเวณท่อตัน ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วเปิดน้ำไหลผ่าน กรดอ่อน ๆ ในน้ำหมักจะช่วยย่อยสลายไขมันและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ในท่อโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และไม่มีกลิ่นรบกวนเหมือนสารเคมีทั่วไป 11. เครื่องดูดฝุ่น ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่สามารถดูดของเปียกได้ในการแก้ไขท่อตัน โดยนำเอาหัวดูดไปจ่อที่ปากท่อที่มีปัญหา เปิดเครื่องดูดฝุ่นให้ทำงาน แรงดูดจะช่วยดึงสิ่งอุดตันออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อควรระวังคือต้องเช็กให้แน่ใจว่าเครื่องดูดฝุ่นของคุณสามารถใช้กับพื้นที่เปียกได้ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายจากไฟฟ้าได้ 12. ถอดท่อและทำความสะอาด หากลองทุกวิธีแล้วยังไม่สามารถแก้ท่อตันได้ อาจจำเป็นต้องถอดท่อออกมาทำความสะอาด วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีทักษะงานช่างพื้นฐาน โดยเริ่มจากการปิดวาล์วน้ำ จากนั้นค่อย ๆ ถอดส่วนประกอบของท่อออกมาทีละชิ้น ทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่เกาะติดอยู่ด้วยแปรงและน้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจาน หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้วให้ประกอบท่อกลับเข้าที่เดิม เปิดวาล์วน้ำและตรวจสอบการรั่วซึม ท่อตัน แก้ได้ง่าย ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ขจัดท่ออุดตัน HG liquid drain unblockerท่อตันเป็นปัญหาที่สร้างน่าหงุดหงิดใจให้กับทุกบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการสะสมของเศษอาหาร, ไขมัน, เส้นผม และสิ่งสกปรก ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ถ้าหากเกิดมีปัญหาท่อน้ำตันให้รีบแก้ปัญหาท่อตันในทันทีตามวิธีที่ได้แนะนำไปข้างต้น จะสามารถช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบท่อน้ำได้สำหรับใครที่ต้องการผลิตภัณฑ์ขจัดท่ออุดตันที่สามารถแก้ปัญหาท่อตันได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งช่าง ขอแนะนำแนะนำผลิตภัณฑ์ขจัดท่ออุดตัน จาก naradeeSTORE ช่วยแก้ปัญหาท่อตันได้อย่างรวดเร็วเพียงเทใส่ท่อแล้วปล่อยทิ้งไว้ ก็สามารถขจัดคราบสะสมที่ก่อให้เกิดปัญหาท่อน้ำตันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หมดกังวลเรื่องท่อตันภายในบ้าน ด้วยตัวช่วยที่สะดวกและใช้งานง่าย สามารถสั่งซื้อได้ที่ naradeeSTORE หรือผ่านช่องทาง Shopee และ LazadaFacebook : naradee STOREShopee: Naradee StoreLazada: Naradee StoreLine : @naradeeTel : 080-804-5445 (ทุกวัน เวลา 11.00 น. - 19.00 น.)
การดูแลรักษาไม้ เพื่อยืดอายุของเฟอร์นิเจอร์ไม้ ต้องทำยังไง?

5 สิงหาคม 2568

การดูแลรักษาไม้ เพื่อยืดอายุของเฟอร์นิเจอร์ไม้ ต้องทำยังไง?
การดูแลรักษาไม้ภายในบ้านไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาด แต่เป็นการถนอมเนื้อไม้ให้ยังคงสวยงามและใช้งานได้ยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นไม้ หรือประตูไม้ก็ล้วนต้องการวิธีดูแลเฉพาะตัว หากปล่อยทิ้งไว้หรือไม่ทำการดูแลอย่างเหมาะสม อาจทำให้ไม้เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร ดังนั้น naradeeSTORE จะพาคุณไปรู้จักเทคนิคการดูแลรักษาไม้ พร้อมบอกเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ทำได้เองเพื่อยืดอายุการใช้งานไม้ยาวนานยิ่งขึ้น สารบัญบทความไม้แบ่งออกเป็นกี่ประเภท มีอะไรบ้าง?9 วิธีการดูแลรักษาไม้ เพื่อยืดอายุการใช้งานนานขึ้นการดูแลรักษาไม้ให้สวยเหมือนใหม่ ด้วยผลิตภัณฑ์ Gilly's จาก naradeeSTORE ไม้แบ่งออกเป็นกี่ประเภท มีอะไรบ้าง?ก่อนเริ่มต้นการดูแลรักษาไม้ให้เหมาะสมกับการใช้งานในบ้านหรือกลางแจ้ง ควรเข้าใจว่าไม้แต่ละประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างและเหมาะกับการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน โดยประเภทของไม้จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ ไม้เนื้อแข็งและไม้เนื้ออ่อน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ไม้เนื้อแข็งไม้เนื้อแข็ง เป็นไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานยาวนาน ประกอบด้วยไม้สัก ไม้เต็ง ไม้มะค่า ไม้ประดู่ และไม้คะเตียนทอง ซึ่งล้วนเป็นไม้ที่นิยมนำมาใช้ในการผลิตเครื่องเรือนคุณภาพสูง เช่น โต๊ะทำงาน เก้าอี้รับแขก ตู้เสื้อผ้า หรือชั้นวางหนังสือ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้กลางแจ้ง เนื่องจากมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนักและการใช้งานหนักได้เป็นอย่างดี ไม้เนื้ออ่อนไม้เนื้ออ่อน เป็นไม้ที่มีความนุ่มกว่าไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้ไผ่ ไม้หวาย หรือไม้ยูคาลิปตัส เป็นต้น มีจุดเด่นที่น้ำหนักเบา ขึ้นรูปง่าย และให้สัมผัสที่อ่อนโยน จึงมักถูกนำมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ในร่ม เช่น โต๊ะกาแฟ เก้าอี้พักผ่อน หรือเตียงนอน ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่โดนแดดหรือความชื้นโดยตรง ช่วยเพิ่มบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลายให้กับภายในบ้านได้เป็นอย่างดี 9 วิธีการดูแลรักษาไม้ เพื่อยืดอายุการใช้งานนานขึ้นการดูแลรักษาไม้ไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาด แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ดูใหม่อยู่เสมอ ทั้งสำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้กลางแจ้งและเฟอร์นิเจอร์ไม้ในร่ม มาดูกันว่าวิธีการดูแลรักษาถนอมเนื้อไม้ในเฟอร์นิเจอร์จะมีอะไรบ้าง! 1. การปัดฝุ่นและทำความสะอาดเบื้องต้นใช้ไม้ขนไก่หรือผ้านุ่มปัดฝุ่นเป็นประจำทุกวัน โดยเคลื่อนไหวไปตามทิศทางของลายไม้เพื่อหลีกเลี่ยงรอยขีดข่วน สามารถใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ ผสมกับน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดได้ แต่ต้องระวังไม่ให้น้ำซึมเข้าไปในเนื้อไม้มากเกินไป 2. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและความร้อนควรวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ในร่มให้ห่างจากแสงแดดโดยตรงและแหล่งที่เกิดความร้อนสูง เพราะอุณหภูมิสูงจะทำให้เนื้อไม้แห้งจนเกิดรอยแตกได้ หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้กลางแจ้งก็ควรหาที่ร่มหรือใช้ผ้าคลุมป้องกันเอาไว้ 3. ควบคุมความชื้นความชื้นที่มากเกินไปจะทำให้เนื้อไม้บวมและเกิดเชื้อรา ส่วนความแห้งก็สามารถที่จะทำให้ไม้แตกได้เหมือนกัน ซึ่งวิธีในการดูแลและป้องกันแนะนำให้เลือกใช้ทาสีน้ำมันหรือใช้น้ำยาเคลือบผิวไม้ ยิ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้กลางแจ้งก็ยิ่งควรป้องกันความชื้นเป็นพิเศษ 4. วิธีขจัดคราบไขมันเมื่อพบคราบไขมันบนเฟอร์นิเจอร์ไม้ แนะนำให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่าในอัตราส่วน 2:1 เช็ดเบา ๆ ตรงจุดที่มีคราบ แล้วตามด้วยผ้าแห้งเช็ดซ้ำอีกครั้ง เป็นวิธีการดูแลรักษาโต๊ะไม้และช่วยให้คราบหลุดออกได้ง่ายขึ้น 5. วิธีขจัดคราบน้ำหากมีคราบน้ำติดบนพื้นผิวไม้ ให้ใช้ผ้าแห้งเช็ดบริเวณนั้นให้สะอาดก่อน จากนั้นทาส้มสายชูผสมกับน้ำมันมะกอกบนผ้าสะอาด แล้วใช้ขัดบริเวณคราบเบา ๆ วิธีนี้จะช่วยให้คราบน้ำที่ฝังแน่นค่อย ๆ จางลงและไม่ทิ้งรอยบนเนื้อไม้ 6. วิธีป้องกันแมลงกัดกินแนะนำให้ใช้น้ำยาป้องกันแมลงทาให้ทั่วเฟอร์นิเจอร์เป็นประจำ โดยเฉพาะการป้องกันปลวกซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของไม้ สามารถเลือกใช้ทั้งสารเคมีหรือสมุนไพรธรรมชาติตามความเหมาะสม 7. วิธีถูพื้นไม้ให้เงาวิธีถูพื้นไม้ให้เงาให้เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดไม้โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของแว็กซ์หรือน้ำมันจากธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยทั้งทำความสะอาดและบำรุงพื้นไม้ให้เงางาม พร้อมสร้างชั้นปกป้องผิวไม้ในขั้นตอนเดียว 8. การใช้น้ำยาขัดเงาน้ำยาขัดเงาสามารถช่วยเพิ่มความวาวให้เนื้อไม้และเสริมเกราะป้องกันพื้นผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับไม้โดยเฉพาะ และทาให้ทั่วเป็นชั้นบาง ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดูดีและปลอดภัย 9. หลีกเลี่ยงสารเคมีที่มีฤทธิ์แรงหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แอมโมเนีย หรือสารกัดกร่อน เพราะอาจทำลายเนื้อไม้และชั้นเคลือบผิวได้ ก่อนใช้งาน ควรอ่านฉลากให้ละเอียดหรือสอบถามข้อมูลจากผู้ขายเพื่อความมั่นใจ การดูแลรักษาไม้ให้สวยเหมือนใหม่ ด้วยผลิตภัณฑ์ Gilly's จาก naradeeSTORE การดูแลรักษาไม้ไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มจากความเข้าใจและเลือกวิธีที่เหมาะกับประเภทของไม้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้กลางแจ้ง หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ในร่ม การดูแลอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานและคงความสวยงามได้นานขึ้นการเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดและผลิตภัณฑ์บำรุง Gilly's จาก naradeeSTORE ที่มีทั้งน้ำยา ครีมขัดเงา แว็กซ์เคลือบไม้ และน้ำยาปกปิดรอยข่วน ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์มาเพื่อช่วยดูแลถนอมเนื้อไม้โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้กลางแจ้งและเฟอร์นิเจอร์ไม้ในร่มให้คุณมั่นใจได้ว่างานไม้ทุกชิ้นได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมในทุกการใช้งานFacebook : naradee STOREShopee: Naradee StoreLazada: Naradee StoreLine : @naradeeTel : 080-804-5445 (ทุกวัน เวลา 11.00 น. - 19.00 น.)
มาตรฐาน UL คืออะไร ช่วยวัดความปลอดภัยได้จริงไหม?

5 สิงหาคม 2568

มาตรฐาน UL คืออะไร ช่วยวัดความปลอดภัยได้จริงไหม?
ใครที่เคยมีประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ คงจะได้ยินคำว่า ‘มาตรฐาน UL’ กันมาบ้าง แต่เชื่อว่าหลายคนอาจไม่เข้าใจว่า มาตรฐาน UL คืออะไร แล้วทำไมการซื้อผลิตภัณฑ์บางชนิดถึงจำเป็นต้องเลือกซื้อที่มี UL Certification บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐาน UL ให้มากขึ้นกันว่ามีความสำคัญอย่างไร แล้วช่วยชี้วัดมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ได้จริงหรือไม่ สารบัญบทความมาตรฐาน UL คืออะไร?วัตถุประสงค์หลักของมาตรฐาน UL คืออะไร?มาตรฐาน UL รับรองสินค้าประเภทใดบ้างนอกจากมาตรฐาน UL มีมาตรฐานอื่นอีกหรือไม่?มาตรฐาน UL คือมาตรฐานสำคัญที่ช่วยรับรองความปลอดภัย มาตรฐาน UL คืออะไร?มาตรฐาน UL คือมาตรฐานการรับรองในด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ โดย UL นั้นย่อมาจาก Underwriter Laboratories ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ก่อตั้งในปี 1894 และเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลด้านการตรวจสอบ การทดสอบ และรับรองผล ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐาน UL จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มั่นใจได้ว่ามีคุณภาพ และมีความปลอดภัยสูง เช่น ตู้เซฟมาตรฐาน UL หรือม่านแสงนิรภัยมาตรฐาน UL สำหรับการประเมินผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐาน UL นั้นต้องผ่านการตรวจสอบในหลายขั้นตอน ทั้ง ชิ้นส่วน ตัวอุปกรณ์ และระบบการทำงาน เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบเฉพาะบนข้อกำหนด ซึ่งนอกจากตรวจสอบผลิตภัณฑ์แล้ว UL ยังคอยให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเข้าสู่ตลาดโลก ด้วยการดูแลคุณภาพของระบบในทุกขั้นตอนอีกด้วย  วัตถุประสงค์หลักของมาตรฐาน UL คืออะไร?สำหรับวัตถุประสงค์หลักของมาตรฐาน UL คือ ช่วยลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดของอุปกรณ์ที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและบุคคล อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกาเอง มาตรฐาน UL นั้นมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาไฟฟ้าช็อต และไฟไหม้จากการใช้ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า ซึ่งผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาจะต้องได้รับการรับรองจากห้องปฏิบัติการทดสอบที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศเท่านั้นสำหรับองค์กร Underwriters Laboratories นั้นได้รับความไว้วางใจในฐานะผู้นำด้านการตรวจสอบความปลอดภัยระดับสากล ในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ซึ่งการรับรองของมาตรฐาน UL จะต้องผ่านการทดสอบผลิตภัณฑ์ การประเมินและตรวจสอบโรงงานในระดับสากล ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้การรับรองมาตรฐาน UL คือสัญลักษณ์ที่ช่วยยืนยันด้านความปลอดภัยและความแข็งแรงของผลิตภัณฑ์ ทั้งยังเป็นการรับรองว่าผลิตภัณฑ์จะไม่เกิดการลามไฟกรณีที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจร มาตรฐาน UL รับรองสินค้าประเภทใดบ้างการรับรองมาตรฐาน UL Certificate คือการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นผ่านการตรวจสอบและทดสอบด้านความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองนั้นจะมีการแสดงสัญลักษณ์มาตรฐานรับรองความปลอดภัยของ UL เอาไว้บนผลิตภัณฑ์ โดยนอกจากกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์แล้ว มาตรฐาน UL ยังใช้ในการรับรองกลุ่มสินค้าอื่น ๆ ด้วย นอกจากมาตรฐาน UL มีมาตรฐานอื่นอีกหรือไม่?แม้ว่ามาตรฐาน UL นั้นคือเครื่องหมายการันตีด้านความปลอดภัยให้กับผลิตภัณฑ์แล้ว ยังมีมาตรฐานอื่น ๆ ที่ใช้กันในต่างประเทศในระดับสากลด้วย เช่น มาตรฐาน CE Certification หรือ ‘Conformite Europeene’ ซึ่งเป็นมาตรฐานของสหภาพยุโรปที่ใช้ในเขตเศรษฐกิจยุโรป หรือ EEA โดยมาตรฐาน CE นั้นต้องผ่านการทดสอบในหลายมาตรฐานเพื่อให้ได้รับการรับรอง และครอบคลุมสินค้าประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักรอุตสาหกรรม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าอุปโภคและบริโภคอีกหลายชนิด นอกจากมาตรฐาน CE ในยุโรปแล้ว ยังมีมาตรฐาน CE ที่ใช้ในจีน โดยย่อมาจาก China Export ใช้เป็นเครื่องหมายเพื่อระบุว่าสินค้าผลิตในประเทศจีนในการส่งออก โดยผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมาย CE นั้นเป็นการรับรองว่าผ่านการผลิตตามข้อกำหนด และข้อบังคับของสหภาพยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องมาตรฐานด้านความปลอดภัยอีกหนึ่งมาตรฐานที่เราอาจจะเคยเห็นในบ้านเราอย่าง มาตรฐาน DOJ (Department of Justic) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของตู้เซฟเก็บปืน ที่รับรองโดยกระทรวงยุติธรรมของรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อรับรองว่าตู้เซฟจะปลอดภัยต่อการถูกงัดแงะ และมีโครงสร้างที่แข็งแรงเพียงพอต่อการต้านทานการทำลายเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ได้ว่า ตู้เซฟจะช่วยป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินด้านในเกิดความเสียหายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด มาตรฐาน UL คือมาตรฐานสำคัญที่ช่วยรับรองความปลอดภัยมาตรฐาน UL คืออีกหนึ่งมาตรฐานสำคัญ ที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ที่ช่วยการันตีด้านความปลอดภัยให้กับผลิตภัณฑ์หรือสินค้านั้น ๆ ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจในการเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น และยังมั่นใจได้ด้วยว่าสินค้าที่เลือกซื้อมานั้นไว้วางใจได้ทั้งในด้านคุณภาพ และราคาที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล สำหรับท่านที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน UL ที่ naradeeSTORE ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก SentrySafe ประเทศอเมริกาที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน UL มาให้ท่านได้เลือกซื้อตามการใช้งาน มั่นใจได้เรื่องคุณภาพและความปลอดภัย ที่ไว้วางใจได้ในระดับสากล สอบถามข้อมูลหรือเลือกซื้อสินค้าได้ที่ Facebook : naradee STOREShopee: Naradee StoreLazada: Naradee StoreLine : @naradeeTel : 080-804-5445 (ทุกวัน เวลา 11.00 น. - 19.00 น.)
สำรวจเหตุการณ์แบบไหน ? เหมาะกับการใช้งานกุญแจนิรภัย LOTO

29 เมษายน 2568

สำรวจเหตุการณ์แบบไหน ? เหมาะกับการใช้งานกุญแจนิรภัย LOTO
ในชีวิตประจำวัน และในโลกของการทำงาน มีสถานการณ์มากมายที่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีเครื่องจักรอุตสาหกรรม วัสดุอันตราย หรือพื้นที่ที่ต้องการการควบคุมอย่างเข้มงวด ซึ่งการใช้กุญแจนิรภัย LOTO เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุ และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้  ในบทความนี้ Naradee จะพาคุณไปสำรวจเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เหมาะกับการใช้งานกุญแจนิรภัย LOTO พร้อมแชร์กรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่ากุญแจนิรภัย LOTOจะสามารถช่วยป้องกันเหตุไม่คาดฝันได้อย่างไร ถ้าพร้อมแล้ว เราไปเริ่มกันเลย !กุญแจนิรภัย LOTO สำคัญแค่ไหน ? กรณีศึกษาที่ช่วยป้องกันเหตุไม่คาดฝันกุญแจนิรภัย LOTO มีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่โรงงานผลิต การก่อสร้าง ไปจนถึงการจัดเก็บสารเคมี และงานซ่อมแซมพื้นที่สาธารณะ โดยการใช้กุญแจนิรภัย LOTO อย่างถูกต้อง จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรง ลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงอุปกรณ์อันตราย และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงานได้  โดยต่อไปนี้ คือ ตัวอย่างกรณีศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกุญแจนิรภัย ได้แก่การทำงานในโรงอุตสาหกรรมในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรทำงานต่อเนื่อง การใช้กุญแจนิรภัยมีความสำคัญมาก เนื่องจาก ช่วยป้องกันไม่ให้เครื่องจักรทำงาน ในขณะที่มีการบำรุงรักษา หรือซ่อมแซม นอกจากนี้ หากมีการใช้ระบบ Lockout Tagout (LOTO) ก็จะยิ่งช่วยให้แน่ใจว่าไม่มีพนักงานคนไหน สามารถเปิดใช้งานเครื่องจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักกับระบบ Lockout Tagout ที่พูดถึง ถ้าอธิบายง่าย ๆ LOTO เป็นมาตรการความปลอดภัย ที่ใช้ในการป้องกันอุบัติเหตุจากเครื่องจักร หรือระบบไฟฟ้าที่อาจเปิดใช้งานโดยไม่ได้ตั้งใจ ในระหว่างการซ่อมบำรุง หรือบำรุงรักษา โดยองค์ประกอบหลักของระบบ LOTO จะแบ่งเป็น 2 อย่าง ได้แก่ Lockout: การใช้อุปกรณ์ล็อค เช่น กุญแจนิรภัย เพื่อล็อคสวิตช์ หรือแหล่งพลังงานของเครื่องจักรไม่ให้เปิดใช้งานTagout: การติดป้ายเตือน ที่แสดงข้อความว่ากำลังดำเนินการซ่อมบำรุงอยู่ และห้ามเปิดใช้งานอุปกรณ์นั้น ๆ ตัวอย่างกรณีศึกษา ของการใช้กุญแจนิรภัย LOTO ในโรงอุตสาหกรรม เช่น โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์: การใช้กุญแจนิรภัย LOTO ล็อคสวิตช์เครื่องจักรระหว่างการซ่อมบำรุง พร้อมมีการติดป้ายแจ้งเตือน (Tagout) ร่วมด้วย จะช่วยให้แน่ใจว่าไม่มีการเปิดเครื่องโดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ ยังช่วยให้พนักงานที่ทำหน้าที่ซ่อมแซมมีความปลอดภัยสูงสุดอีกด้วยโรงงานแปรรูปอาหาร: การใช้กุญแจนิรภัย LOTO จะช่วยป้องกันการเปิดใช้งานเครื่องจักร เช่นเครื่องตัด และเครื่องบดอาหาร ขณะมีการทำความสะอาดด้านใน การก่อสร้างงานด้านก่อสร้าง เป็นงานที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานกับเครื่องจักรหนัก ระบบไฟฟ้า ระบบแก๊ส หรือโครงสร้างที่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนงานได้  ดังนั้น การใช้ระบบ LOTO จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำให้มั่นใจว่า ไม่มีใครสามารถเปิดใช้งานอุปกรณ์ หรือปลดปล่อยพลังงานอันตรายได้ในระหว่างการบำรุงรักษา และซ่อมแซม  อีกทั้ง ในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่ต้องมีการจัดการงานหลายทีมร่วมกัน การใช้อุปกรณ์ LOTO จะช่วยกำหนดความปลอดภัยในการแบ่งงานได้ เช่น ทีมไฟฟ้าต้องปิดวงจรก่อนที่ทีมติดตั้งท่อจะทำงาน หรือทีมซ่อมบำรุงต้องแน่ใจว่าเครื่องจักรไม่ทำงาน ก่อนที่ทีมตรวจสอบจะเข้าไปภายใน เป็นต้น ตัวอย่างกรณีศึกษา ในงานการก่อสร้าง เช่น วิศวกรไฟฟ้าใช้: ใช้กุญแจนิรภัยล็อคสวิตช์ไฟ พร้อมติด Tag เตือนของระบบ LOTO เพื่อป้องกันการเปิดใช้งานโดยไม่ตั้งใจทีมช่างก่อสร้าง: ใช้กุญแจนิรภัยมาล็อคเครน และติดป้ายเตือน เพื่อป้องกันการใช้งาน โดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่างการเปลี่ยนชิ้นส่วนสำคัญ การจัดเก็บสารเคมีสารเคมีอันตราย จำเป็นต้องมีการควบคุมการเข้าถึงอย่างเข้มงวด เพื่อลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ และปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งการใช้กุญแจนิรภัย LOTO จะช่วยป้องกันการเข้าถึงสารเคมีโดยไม่ได้รับอนุญาต และลดโอกาสในการรั่วไหลได้ ยกตัวอย่างเช่น ห้องเก็บสารเคมี: ในระหว่างการทำความสะอาดถังเก็บสารเคมี หากใช้กุญแจนิรภัย LOTO ล็อกวาล์วถังเก็บสารเคมี พร้อมติดป้ายเตือน (Tagout) จะช่วยป้องกันการเปิดโดยไม่ได้ตั้งใจได้คลังสินค้าเคมี: ใช้กุญแจนิรภัย LOTO ล็อกเบรกเกอร์ที่ควบคุมปั๊มจ่ายสารเคมี พร้อมติดป้ายเตือน (Tagout) ระบุชัดเจนว่า “อยู่ระหว่างซ่อมบำรุง ห้ามเปิดใช้งาน” เพื่อป้องกันการเปิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้สารเคมีรั่วไหลออกมาในระหว่างที่มีการซ่อมบำรุงได้ การซ่อมแซมบนพื้นที่สาธารณะในพื้นที่สาธารณะ เช่น ถนน ทางเดิน หรืออาคารของรัฐ มักต้องการการซ่อมแซมเป็นระยะ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น การใช้กุญแจนิรภัยจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ สามารถควบคุมพื้นที่ปิดซ่อมแซมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่อันตรายนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่เทศบาล: ใช้กุญแจนิรภัย LOTO ล็อคตู้ควบคุมไฟ เพื่อป้องกันไฟดูด หรือการบาดเจ็บจากกระแสไฟฟ้า ในระหว่างการซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าใต้ดินบริเวณทางเท้าทีมซ่อมบำรุงทางหลวง: สามารถล็อคเครื่องจักรหนัก เพื่อป้องกันการเปิดใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ สำหรับใครที่กำลังมองหากุญแจนิรภัย และอุปกรณ์ LOTO ที่คุ้มค่าทั้งราคาและคุณภาพ Naradee ขอแนะนำแบรนด์ Master Lock ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบล็อคมาตรฐานระดับโลก ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยของ OSHA ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรม การก่อสร้าง หรือการจัดเก็บสารเคมี สนใจติดต่อได้ที่ Inbox: Naradee Storeแนะนำ แม่กุญแจนิรภัย 4 รุ่น ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อพูดถึงความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน หรือการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม การเลือกใช้แม่กุญแจที่มีคุณภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง Naradee จึงขอมาแนะนำแม่กุญแจนิรภัย LOTO 4 รุ่นจาก Master Lock ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับระดับสากลด้านความปลอดภัย โดยจะมีอะไรบ้าง มาดูกันMaster Lock 406Master Lock 406 เป็นแม่กุญแจนิรภัย ที่ห่วงกุญแจทำจากวัสดุไนลอนผสม ไม่นำไฟฟ้า ไม่เกิดประกายไฟ ทนทานต่อการกัดกร่อนและความร้อน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งาน ในสภาพบรรยากาศที่ติดไฟ หรือระเบิดได้Master Lock 410Master Lock 410 เป็นแม่กุญแจนิรภัยที่ได้รับความนิยม ด้วยวัสดุผสม Zenex™ ที่แข็งแรง และทนทานต่ออุณหภูมิตั้งแต่ -57 °C ถึง +177 °Cเหมาะสำหรับงาน Lockout ทั่ว ๆ ไปMaster Lock 410LTMaster Lock 410LT เป็นรุ่นที่คล้ายกับ 410 แต่มีห่วงกุญแจที่ยาวขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานในจุดที่เข้าถึงยาก อีกทั้งฐานกุญแจคล้องยังทนต่อแสงยูวี และทนทานต่อสารเคมี พร้อมป้ายข้อมูลที่รองรับถึง 3 ภาษา ได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ และสเปนMaster Lock S31Master Lock S31 เป็นแม่กุญแจที่มีระบบป้องกันการดึงลูกกุญแจออกโดยไม่ล็อคกลับคืน ทนทานต่อการกัดกร่อน UV และสารเคมี เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สภาพแวดล้อมที่ติดไฟ หรือระเบิดได้ เป็นต้น ทั้งนี้ Master Lock เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในด้านความปลอดภัยสูง และแม่กุญแจนิรภัยทั้ง 4 รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการมาตรการป้องกันเป็นพิเศษ  ซึ่งการเลือกใช้แม่กุญแจที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าทรัพย์สิน และบุคลากรของคุณปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ หากคุณกำลังมองหาแม่กุญแจ หรือตู้เซฟคุณภาพเยี่ยม ขอให้นึกถึง Naradee ผู้จำหน่ายกุญแจนิรภัย Master Lock ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ Line: @naradeeWebsite: Naradee.comProduct Category: Master LockShopee: Naradee StoreLazada: Naradee StoreInbox: Naradee Store
ตู้เซฟ ตัวช่วยจัดเก็บเอกสารสำคัญทางธุรกิจ ให้ปลอดภัย ไร้กังวล

29 เมษายน 2568

ตู้เซฟ ตัวช่วยจัดเก็บเอกสารสำคัญทางธุรกิจ ให้ปลอดภัย ไร้กังวล
เอกสารทางธุรกิจ มีความสำคัญอย่างมากในการดำเนินธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการกำหนดกฎหมาย และข้อบังคับต่าง ๆ อย่างเข้มงวด ซึ่งหากผู้ประกอบการจัดเก็บเอกสารไม่ดี อาจต้องวุ่นวายในการดำเนินการต่าง ๆ รวมถึงภาพลักษณ์ของธุรกิจ ยังดูไม่น่าเชื่อถืออีกด้วย  ดังนั้น การมีตู้เซฟที่มีระบบความปลอดภัยครบครัน เข้ามาจัดเก็บเอกสารสำคัญทางธุรกิจให้เป็นระเบียบ ก็จะช่วยให้ปลอดภัยต่อการถูกโจรกรรม โดยผู้ไม่ประสงค์ดี ทั้งยังยกระดับความปลอดภัยของเอกสาร ในกรณีที่ถูกไฟไหม้ หรือเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังวางแผนซื้อตู้เซฟ มาใช้ในอาคารสำนักงาน ในบทความนี้ Naradee จะมาแชร์หลักการเลือกตู้เซฟขนาดใหญ่ ให้เข้ากับการใช้งานในออฟฟิศทุกประเภท เพื่อยกระดับความปลอดภัยทางธุรกิจ หากพร้อมแล้ว เราไปดูกันได้เลยเจาะลึก เอกสารสำคัญทางธุรกิจ ที่ควรจัดเก็บไว้ในตู้เซฟเอกสารทางธุรกิจ คือ เอกสารต่าง ๆ ที่ถูกจัดขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินงานทางธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานส่วนองค์กร รวมถึงเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ หรือยื่นภาษีกับทางกรมสรรพากรในแต่ละปี นอกจากนี้ เอกสารทางธุรกิจยังเป็นหลักฐานสำคัญ ที่ใช้ในการอ้างอิงในกรณีต่าง ๆ เมื่อธุรกิจเกิดปัญหาขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ผู้ประกอบการควรจัดเก็บเอกสารสำคัญอย่างเป็นระบบไว้ในตู้เซฟ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา และนำมาใช้งานในอนาคต โดยเอกสารสำคัญที่ควรจัดเก็บไว้ในเซฟ มีดังต่อไปนี้ทะเบียนการค้าทะเบียนการค้า หรือใบทะเบียนพาณิชย์ เป็นเอกสารที่มีความสำคัญ ในการแสดงสถานะทางกฎหมายของธุรกิจ ซึ่งบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือว่าธุรกิจมีตัวตนอยู่จริง ทำให้ลูกค้าเชื่อใจว่าจะสามารถซื้อสินค้า คืนสินค้า และเปลี่ยนสินค้าได้ หากสินค้าเกิดชำรุด หรือได้รับความเสียหายสัญญาจ้างพนักงานสัญญาจ้างพนักงาน คือ เอกสารที่ระบุสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยให้ผลตอบแทนเป็นค่าจ้างตามระยะเวลาที่ลูกจ้างทำงานให้ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจะทำเดินธุรกิจอย่างเรียบร้อย และถูกต้องตามกฎหมายสัญญาซื้อขายสัญญาซื้อขาย เป็นเอกสารที่ระบุข้อตกลง เงื่อนไข และรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าและบริการ ทั้งยังมีความสำคัญในการกำหนดเงื่อนไขในการทำธุรกิจระหว่างฝ่ายขาย และฝ่ายซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพโฉนดที่ดินของบริษัทโฉนดที่ดินของบริษัท คือ หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งกรมที่ดินออกให้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยมีหลายรูปแบบ เช่น น.ส.4, น.ส.3 ก., น.ส.3 ข., ส.ป.ก 4 - 01 เป็นต้น ดังนั้น หากทำโฉนดที่ดินหาย ผู้ประกอบการอาจต้องเสียเวลาไปแจ้งความ และติดต่อกับสำนักงานที่ดินอีกครั้ง เพื่อทำการขอออกโฉนดที่ดินใหม่หนังสือมอบอำนาจทางธุรกิจหนังสือมอบอำนาจทางธุรกิจ เป็นหนังสือที่จะมอบอำนาจ ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กระทำการใด ๆ แทนตนในทางกฎหมาย โดยหนังสือมอบอำนาจ จะมีการบอกรายละเอียดของผู้มอบอำนาจ เช่น ชื่อ ที่อยู่ และมอบอำนาจให้บุคคลท่านใด พร้อมกับมีลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจ ไม่ว่าจะเป็น กรรมการบริษัท ผู้รับมอบอำนาจ และผู้ที่เกี่ยวข้องเอกสารบัญชีสำหรับเอกสารสำคัญส่วนสุดท้ายที่ขาดไปไม่ได้เลย คงจะหนีไม่พ้นเอกสารบัญชี ซึ่งเป็นเอกสารที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจราบรื่นยิ่งขึ้น หากเอกสารส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป อาจมีผลต่อกฎหมายในระยะยาวได้  โดยเอกสารสำคัญทางธุรกิจก็มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบลดหนี้ ใบเพิ่มหนี้ ใบสั่งซื้อ หนังสือรับรองภาษี และใบรับสินค้า เป็นต้นแชร์ หลักการเลือกตู้เซฟขนาดใหญ่ ให้เข้ากับสำนักงานเมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า เอกสารที่ควรจัดเก็บไว้ในตู้เซฟมีอะไรบ้าง คราวนี้ Naradee จะมาแนะนำเทคนิคในการเลือกตู้เซฟขนาดใหญ่ มาใช้งานในสำนักงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการจัดเก็บเอกสารให้ปลอดภัย และเพิ่มความสะดวกสบายในการดำเนินธุรกิจ โดยสามารถพิจารณาคุณสมบัติของตู้เซฟก่อนซื้อมาใช้งาน ดังนี้พื้นที่ที่ต้องการจัดวางขั้นตอนแรกในการเลือกซื้อตู้เซฟนิรภัย ควรพิจารณาจากพื้นที่ที่ต้องการจัดวาง เพื่อเลือกขนาดของตู้เซฟที่เหมาะสม และคุ้มค่ากับการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการเก็บเอกสารบัญชีไว้ที่ห้องทำงานของแผนกบัญชี และภายในห้องมีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะ ก็สามารถเลือกเซฟที่มีขนาดความกว้างและความลึกมากกว่า 50 เซนติเมตรขึ้นไป แต่หากต้องการจัดเก็บเอกสารไว้ที่บริเวณมุมใดมุมหนึ่งของห้อง แนะนำให้เลือกตู้เซฟที่มีความกว้าง 40 - 50 เซนติเมตร และสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร เป็นต้นน้ำหนักจุดเด่นของตู้เซฟขนาดใหญ่ คือ น้ำหนักที่มาก ทำให้ถูกโจรกรรมโดยการเคลื่อนย้ายได้ยาก เหมาะกับการจัดเก็บเอกสารสำคัญทางธุรกิจไว้ในจุดเดียว หรือเอกสารที่ไม่จำเป็นต้องถูกโยกย้าย ไปยังแผนกอื่น ๆ เป็นประจำ  ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจซื้อตู้เซฟมาใช้งาน ควรพิจารณาก่อนว่าพื้นที่ที่ต้องการติดตั้ง สามารถรองรับน้ำหนักของตู้เซฟได้หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้โครงสร้างอาคารเสียหายในอนาคตระบบล็อคระบบล็อคของเซฟนิรภัย ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้งานสะดวกแบบไหน หากสะดวกใช้งานเซฟที่มีระบบล็อคแบบรหัสหมุน ควรจดจำรหัสให้ได้ หรือถ้าต้องการความรวดเร็ว และความสะดวกสบายในการเข้าถึงเอกสาร ก็สามารถเลือกเซฟที่ใช้งานด้วยรหัสกดดิจิทัลมาตรฐานความปลอดภัยมาตรฐานความปลอดภัย ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรนำมาพิจารณา ก่อนตัดสินใจซื้อตู้เซฟมาใช้งาน เพราะตู้เซฟโดยทั่วไปแล้วอาจไม่มีคุณสมบัติในการกันน้ำและกันไฟ แต่จะโดดเด่นด้านการป้องกันการงัดแงะ หรือถูกโจรกรรมในรูปแบบต่าง ๆ มากกว่า  ทั้งนี้ หากต้องการตู้เซฟที่มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำและไฟ ทางผู้จัดจำหน่ายจะระบุไว้จัดเจนว่า เซฟที่เลือกสามารถกันน้ำและกันไฟได้ โดยเซฟที่ดีจะต้องกันไฟได้ตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไป และสามารถป้องกันน้ำได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง  อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาตู้เซฟสำหรับธุรกิจ เพื่อเก็บสิ่งของมีค่าจำนวนมากไว้ในที่เดียว อย่าลืมนึกถึง SentrySafe ตู้นิรภัยที่เหนือกว่าเซฟทั่วไป ด้วยแถบป้องกันการงัด และสลักลอนล็อคแบบรอบทิศทาง ทำให้มีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในสำนักงาน ธนาคาร หรือธุรกิจขนาดใหญ่แนะนำ ตู้เซฟสำหรับองค์กรชั้นนำ เสริมความปลอดภัยให้แน่นหนายิ่งขึ้นหลังจากที่ได้เรียนรู้ถึงวิธีการเลือกเซฟขนาดใหญ่ สำหรับองค์กรทุกประเภทกันไปแล้ว คงจะเห็นได้ว่าการมีตู้เซฟไว้ใช้งาน ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว โดยทาง Naradee ได้รวบรวมตู้เซฟจากแบรนด์ SentrySafe มาให้พิจารณาเลือกใช้งาน ดังนี้SentrySafe รุ่น S6770SentrySafe S6770 เป็นตู้เซฟที่โดดเด่น ด้วยระบบล็อครหัสปุ่มกดและกุญแจ มั่นใจได้ในความปลอดภัยภายในตู้นิรภัย ด้วยสลักกลอน 5 ตัว และสลักตาย 3 ตัว บานพับนอกเปิดได้ 180 องศา ทำให้จัดเก็บ และค้นหาของได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ SentrySafe S6770 ยังผ่านการทดสอบคุณสมบัติการป้องกันไฟ จากหน่วยงาน UL ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าสามารถป้องกันไฟได้ 1 ชั่วโมง ในอุณหภูมิ 1700˚F/927˚C  SentrySafe รุ่น S7771Sentry Safe S7771 เป็นตู้เซฟที่มาพร้อมกับระบบล็อครหัสปุ่มกดและกุญแจ โดดเด่นด้วยโครงสร้างจากเหล็กกล้า และสลักกลอน 5 ตัว สลักตาย 3 ตัว ทำให้ป้องกันการงัดแงะได้ดี เหมาะกับสถานประกอบการ และองค์กรธุรกิจหลากหลายประเภท นอกเหนือจากโครงสร้างที่แข็งแรงแล้ว SentrySafe S7771 ยังผ่านการทดสอบคุณสมบัติการป้องกันไฟขั้นสูง จากหน่วยงาน UL ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าสามารถป้องกันไฟได้ 1 ชั่วโมง ในอุณหภูมิ 1700˚F/927˚C ทำให้ปกป้องข้อมูล เอกสาร และสิ่งของมีค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ SentrySafe รุ่น S7371SentrySafe S7371 เป็นตู้นิรภัยระบบล็อคแบบรหัสหมุนและกุญแจ มาพร้อมกับฟังก์ชันภายในเซฟที่มีชั้นวางของ สามารถปรับระดับชั้นเก็บของภายในได้ง่าย มั่นใจในความปลอดภัยด้วยสลักกลอน 5 ตัว และสลักตาย 3 ตัว รวมถึงมีบานพับนอก เปิดได้ 180 องศา ทำให้จัดเก็บ และค้นหาของได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งเซฟรุ่น SentrySafe S7371 ยังโดดเด่นในเรื่องของคุณสมบัติกันไฟ ซึ่งผ่านการทดสอบคุณสมบัติการป้องกันไฟขั้นสูง จากหน่วยงาน UL ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าสามารถป้องกันไฟได้ 1 ชั่วโมง ในอุณหภูมิ 1700˚F/927˚C เรียกได้ว่าเป็นเซฟที่เหมาะกับการใช้งานในองค์กรอย่างแท้จริงSentrySafe รุ่น EF3428ESentrySafe รุ่น EF3428E เป็นตู้นิรภัยระบบล็อคดิจิทัล มาพร้อมกับชั้นวางของ 2 ชั้นที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ทำให้เอื้อต่อการจัดเก็บของทุกประเภท ทั้งยังสามารถยึดตู้เซฟเข้ากับพื้น เพื่อป้องกันการย้าย โดยผู้ไม่ประสงค์ดี นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติการป้องกันไฟในอุณหภูมิสูงถึง 1400˚F/760˚C ได้นาน 30 นาที และผ่านการทดสอบการป้องกันน้ำจากหน่วยงาน ETL ว่าสามารถป้องกันน้ำได้ ในระดับความสูงกว่า 12 นิ้ว เป็นเวลานานถึง 72 ชั่วโมงSentrySafe รุ่น T6-331สำหรับ SentrySafe รุ่น T6-331 เป็นตู้เซฟระบบล็อคแบบรหัสดิจิทัลและกุญแจ มั่นใจได้ด้วยโครงสร้างจากเหล็กกล้า เสริมความแข็งแรงในการป้องกันการเจาะ และการงัดแงะจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ภายในตู้มีชั้นวาง 2 ชั้น ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาตู้เซฟ ตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเอกสารสำคัญทางธุรกิจ ซึ่งอาจถูกขโมยได้ในทุกเมื่อ อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ SentrySafe จาก Naradee หากสนใจ หรือต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ Line: @naradeeWebsite: Naradee.comProduct Category: SentrySafeShopee: Naradee StoreLazada: Naradee StoreInbox: Naradee Store
"ตู้เซฟขนาดเล็ก" จำเป็นแค่ไหน ? รวมเหตุผลที่ทุกคนควรมีไว้ติดบ้าน

29 เมษายน 2568

"ตู้เซฟขนาดเล็ก" จำเป็นแค่ไหน ? รวมเหตุผลที่ทุกคนควรมีไว้ติดบ้าน
ปัจจุบัน หลายคนเริ่มให้ความสำคัญ กับการปกป้องทรัพย์สินภายในบ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เงินสด เอกสารสำคัญ อาวุธปืน หรือเครื่องประดับล้ำค่า ด้วยเหตุนี้ "ตู้เซฟเล็ก" จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้กับของมีค่า  แต่คำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ ตู้เซฟขนาดเล็กจำเป็นจริงหรือไม่ ? ในบทความนี้ Naradee จะพาคุณมาหาคำตอบกัน พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการเก็บเงิน หรือทรัพย์สินไว้ที่บ้าน กับการฝากธนาคาร เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นตู้เซฟขนาดเล็กเป็นแบบไหน และเหมาะกับใครบ้าง ?ตู้เซฟขนาดเล็ก เป็นตู้เซฟที่มีขนาดกะทัดรัด ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้งานในบ้าน ร้านอาหาร หรือสำนักงานต่าง ๆ โดยมีจุดเด่น คือ สามารถจัดเก็บทรัพย์สินที่สำคัญได้อย่างปลอดภัย  แม้ตู้เซฟจะมีขนาดเล็ก แต่ก็มาพร้อมกับระบบล็อคที่แข็งแรง เช่น ดิจิทัลล็อค หรือกุญแจล็อค และถึงแม้จะมีน้ำหนักไม่มาก ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกยกออกไปง่าย ๆ เพราะสามารถเจาะยึดติดกับพื้นหรือผนัง เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายได้อย่างแน่นหนา เมื่อเปรียบเทียบกับตู้เซฟขนาดใหญ่ที่มีความจุมากกว่า และมักถูกใช้ในองค์กร การใช้ตู้เซฟขนาดเล็ก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บเพียงเล็กน้อย และต้องการความสะดวกในการใช้งาน ทั้งนี้ คนที่เหมาะกับตู้เซฟขนาดเล็ก ก็มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ตัวอย่างเช่นคนที่อาศัยในคอนโดผู้ที่อาศัยในคอนโด หรืออพาร์ตเมนต์ มักมีพื้นที่จำกัด ตู้เซฟขนาดเล็กสามารถติดตั้งได้ง่าย ไม่เปลืองพื้นที่ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับของมีค่าได้ ไม่ว่าจะเป็น เอกสารสำคัญ เงินสด หรือเครื่องประดับต่าง ๆบ้านพักอาศัยสำหรับบ้านพักอาศัย หรือทาวน์โฮม การใช้ตู้เซฟเล็กสามารถใช้เก็บทรัพย์สินสำคัญ เช่น อาวุธ ทอง โฉนดที่ดิน ทะเบียนบ้าน รวมถึงเงินสด และเครื่องประดับอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัยเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสำหรับผู้ที่มีธุรกิจขนาดเล็ก อาจต้องใช้ตู้เซฟขนาดเล็ก เพื่อเก็บเงินสดรายวัน เอกสารสำคัญ หรือข้อมูลของลูกค้าต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัย และความเป็นระเบียบส่องเหตุผล ! ทำไมทุกบ้านถึงควรมีตู้เซฟขนาดเล็กหลายคนอาจมองว่าการมีตู้เซฟเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตู้เซฟขนาดเล็กจำเป็นสำหรับทุกบ้าน และทุกธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่าตู้เซฟขนาดเล็ก มีประโยชน์หลายอย่าง แต่จะมีอะไรบ้าง มาดูกันช่วยปกป้องเอกสาร และทรัพย์สินมีค่าหลายคนมักมีเอกสารสำคัญเก็บไว้ เช่น พาสปอร์ต สัญญาต่าง ๆ หรือเครื่องประดับที่มีมูลค่าสูง จึงควรเก็บไว้ในตู้เซฟ เพื่อป้องกันความเสียหายจากอัคคีภัย หรือการสูญหายโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งบางรุ่นของตู้เซฟก็สามารถกันน้ำ และกันไฟได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าสิ่งของภายในจะได้รับการปกป้องอย่างดีอย่างแน่นอนป้องกันการโจรกรรมการมีตู้เซฟขนาดเล็ก ที่ซ่อนอยู่ในจุดปลอดภัยของบ้าน จะช่วยลดโอกาสที่ขโมยจะสามารถเข้าถึงของมีค่าได้ง่าย นอกจากนี้ ในบางรุ่นยังมีระบบเตือนภัย เมื่อมีการพยายามเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้สามารถเพิ่มระดับความปลอดภัยขึ้นไปได้อีกความสะดวกในการใช้งานตู้เซฟขนาดเล็ก สามารถวางไว้ในจุดที่ลับตาตรงไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือในลิ้นชักต่าง ๆ ทำให้เข้าถึงได้ง่ายแต่ปลอดภัย อีกทั้งยังไม่ต้องเดินทางไปใช้บริการเช่าตู้เซฟของธนาคาร  หากคุณกำลังมองหาตู้เซฟขนาดเล็ก ที่ทั้งปลอดภัย แข็งแรงทนทาน ใช้งานง่าย ราคาประหยัด และคุ้มค่าในระยะยาว Naradee ขอแนะนำ SentrySafe แบรนด์ตู้เซฟนิรภัยคุณภาพสูงจาก USA ยอดขายอันดับหนึ่ง ที่มาพร้อมระบบล็อคแน่นหนา ช่วยป้องกันการโจรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพเก็บเงินไว้ในตู้เซฟที่บ้าน VS ฝากไว้กับธนาคาร แบบไหนดีกว่ากัน ?สำหรับใครที่อยากเก็บเงินไว้ในที่ปลอดภัย แต่ไม่แน่ใจว่าจะเก็บไว้ในตู้เซฟที่บ้าน หรือฝากไว้ที่ธนาคารดี เรามาหาคำตอบจากปัจจัยต่อไปนี้กันความสะดวกในการเข้าถึงเงินการเก็บเงินสดไว้ในตู้เซฟขนาดเล็กที่บ้าน จะช่วยให้สามารถเข้าถึงเงินได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องเสียเวลาไปที่ธนาคาร เหมาะกับกรณีฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินด่วน อย่างไรก็ตาม การฝากเงินกับธนาคารช่วยให้จัดการเงินได้ง่ายขึ้น และมีระบบอัตโนมัติในการโอนเงิน หรือชำระบิลต่าง ๆความปลอดภัยจากการสูญหาย หรือโจรกรรมตู้เซฟ แม้จะช่วยป้องกันการโจรกรรมได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงหากบ้านถูกบุกรุก และหากไม่มีการติดตั้งตู้เซฟอย่างแน่นหนา ก็อาจถูกขโมยไปทั้งตู้ได้ ในขณะที่การฝากเงินกับธนาคารจะปลอดภัยจากการสูญหาย และมีประกันคุ้มครองเงินฝากในกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม การฝากเงินในธนาคารก็ไม่ได้ปลอดภัย 100% เนื่องจาก ยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เช่น การแฮกระบบ หรือการหลอกลวงทางออนไลน์ (Phishing) ซึ่งหากไม่มีการป้องกันที่ดี ผู้ใช้บริการอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้  นอกจากนี้ ในกรณีที่ธนาคารประสบปัญหาทางการเงิน ก็อาจส่งผลกระทบต่อการถอนเงิน หรือการเข้าถึงบัญชีได้ แม้ว่าจะมีระบบคุ้มครองเงินฝาก แต่ก็อาจมีข้อจำกัดในบางกรณีแผนการเงินที่วางไว้ในอนาคตสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินระยะยาว การฝากเงินกับธนาคารจะช่วยให้มีดอกเบี้ยสะสม และสามารถใช้บริการทางการเงินอื่น ๆ ได้ เช่น การลงทุน หรือสินเชื่อ  ในขณะที่การเก็บเงินไว้ที่บ้าน จะช่วยให้มีเงินสดใช้ในกรณีเร่งด่วน แต่ไม่ได้ช่วยเพิ่มมูลค่าเงิน และยังมีความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อที่ทำให้มูลค่าเงินลดลงตามกาลเวลา เป็นอย่างไรกันบ้างกับปัจจัยที่กล่าวมา หากคุณต้องการความปลอดภัยในการเก็บของมีค่า ตู้เซฟขนาดเล็กเป็นตัวเลือกที่ดี อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาถึงความต้องการใช้งานของตนเอง และเลือกวิธีการจัดเก็บที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพราะการมีตู้เซฟที่บ้าน จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงทรัพย์สิน แต่การฝากเงินในธนาคาร ก็ช่วยให้เงินของคุณปลอดภัย และสามารถเพิ่มมูลค่าในอนาคตได้ สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาตู้เซฟเล็ก ที่ตอบโจทย์ทั้งความปลอดภัย ความคุ้มค่า และความสะดวกในการเข้าถึงเงิน SentrySafe ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด เนื่องจาก เป็นแบรนด์ที่มีความปลอดภัยในระดับสากล ทั้งเรื่องของวัสดุ ระบบล็อค และฟังก์ชันการใช้งาน หากสนใจ หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อมาได้ที่ Line: @naradeeWebsite: Naradee.comProduct Category: SentrySafeShopee: Naradee StoreLazada: Naradee StoreInbox: Naradee Store
รู้ทันโจร เตรียมแม่กุญแจล็อคประตู สำหรับวันหยุดช่วงสงกรานต์

29 เมษายน 2568

รู้ทันโจร เตรียมแม่กุญแจล็อคประตู สำหรับวันหยุดช่วงสงกรานต์
ช่วงเทศกาล หลายคนกำลังวางแผนหาสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อพักผ่อนทั้งในต่างจังหวัดและต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงวันสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว 4-5 วัน และเป็นเทศกาลแห่งความสุข ที่ผู้คนมักใช้เวลาอยู่กับครอบครัว รวมไปถึงเพื่อนฝูง  อย่างไรก็ตาม ภัยจากมิจฉาชีพ ก็เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมาโดยตลอดในช่วงเวลานี้ สังเกตได้จากโครงการ “ฝากบ้านไว้กับตำรวจ” ที่สะท้อนให้เห็นว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นช่วงที่มิจฉาชีพมักฉวยโอกาสก่อเหตุสูงกว่าวันปกติ ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงเบื้องต้น การเลือกแม่กุญแจล็อคประตูคุณภาพที่ดี เป็นอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยสามารถช่วยป้องกันภัย ในบทความนี้ Naradee จะมาแชร์ทริคการเลือกแม่กุญแจที่ช่วยป้องกันมิจฉาชีพ ในช่วงวันสงกรานต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแนะนำกุญแจ สำหรับเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านของคุณ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันสำรวจภัยที่มองไม่เห็น ในช่วงสงกรานต์ การวางแผนท่องเที่ยวช่วงวันสงกรานต์ นอกจากการเตรียมตัวเรื่องที่พักและการเดินทางแล้ว การป้องกันทรัพย์สิน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากประมาท อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้น หากคุณต้องทิ้งบ้านไว้นาน ๆ ในช่วงเทศกาล ควรมีมาตรการป้องกันล่วงหน้า เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ต่อไปนี้คือ เคล็ดลับสำคัญในการป้องกันมิจฉาชีพขึ้นบ้าน ได้แก่ ตรวจสอบความแข็งแรงของบานหน้าต่าง เพื่อป้องกันการงัดแงะ และเสริมความปลอดภัยให้กับบ้านเปิดไฟเพิ่มแสงสว่างในจุดสำคัญ เช่น บริเวณหน้าบ้านและหลังบ้าน เพื่อลดมุมอับ และป้องกันการบุกรุกในช่วงกลางคืนติดตั้งกล้องวงจรปิด รวมถึงอุปกรณ์ IoT (Internet of things) ที่ช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหว และแจ้งเตือนเมื่อมีสิ่งผิดปกติเก็บของมีค่าไว้ในตู้เซฟ เพื่อป้องกันการสูญหาย และเพิ่มความปลอดภัยให้ทรัพย์สินภายในบ้าน หากต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น การเลือกใช้ “แม่กุญแจ” คุณภาพดี ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันทรัพย์สินจากมิจฉาชีพได้ ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน และยากต่อการงัดแงะ หากสนใจกุญแจคุณภาพสูง ที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งภายในและภายนอก สามารถติดต่อ Naradee เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือเลือกซื้อสินค้าชวนรู้ ทริคการเลือกแม่กุญแจ ป้องกันมิจฉาชีพขึ้นบ้าน ในปัจจุบัน กุญแจได้รับการพัฒนาให้มีความแข็งแรง และทนทานมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในทุกรูปแบบ ดังนั้น เจ้าของบ้านจึงจำเป็นต้องเลือกกุญแจให้เหมาะสมกับแต่ละจุดของบ้าน เพื่อเสริมความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะแม่กุญแจล็อคประตูสำหรับบ้านพักอาศัย ซึ่งมีหลักการเลือกที่ควรพิจารณาเป็นองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้ระบบการล็อคเริ่มต้นกันที่ “ระบบล็อค” ของกุญแจ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ ระบบลูกปืน และ ระบบสปริง โดยทั้งสองรูปแบบมีความแตกต่างกันในด้านโครงสร้าง และความแข็งแรงของกลไก  หากต้องการใช้สำหรับพื้นที่ภายนอก กุญแจระบบลูกปืน สามารถตอบโจทย์ได้มากกว่า เนื่องจาก โครงสร้างสลักภายในมีการเรียงตัวซับซ้อน ส่งผลให้การสะเดาะกุญแจทำได้ยาก  ในขณะที่กุญแจระบบสปริง มีโครงสร้างสลักที่ไม่ซับซ้อน จึงสามารถสะเดาะกุญแจได้ง่ายด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น ลวดหรือคลิปหนีบกระดาษ ซึ่งอาจไม่เหมาะสม เมื่อต้องใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยสูงวัสดุของแม่กุญแจถัดมากับการป้องกันการตัดหรือการทุบ ซึ่งเป็นอีกแนวทางที่ผู้ไม่หวังดีเลือกใช้ ทำให้การเลือกวัสดุของแม่กุญแจที่ดี ต้องมีความแข็งแรง สามารถทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี รวมไปถึงต้องสามารถทนต่อสภาพอากาศ โดยไม่เกิดสนิมง่าย และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน  ดังนั้น ควรเลือกใช้งานกุญแจที่ผลิตจากโลหะผสมคุณภาพสูง เช่น โลหะซิงค์ ลามิเนตสตีล โบรอนคาร์ไบด์ และสเตนเลสสตีล ซึ่งทั้งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการกัดกร่อน และไม่บิ่นหักได้ง่าย ทำให้หากมองหากุญแจใช้สำหรับภายนอกบ้าน อาจต้องมองหาห่วง และตัวกุญแจทำจากวัสดุเหล่านี้รูปแบบการใช้งานกุญแจมีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ โดยแม่กุญแจที่นิยมใช้กันทั่วไปมี 2 ระบบหลัก ได้แก่ ระบบล็อครหัส และ ระบบไขกุญแจ ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถเลือกใช้งานตามความสะดวกของตนเอง เช่น ระบบล็อครหัส: เหมาะสำหรับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน เนื่องจาก ไม่ต้องพกกุญแจ ลดความเสี่ยงในการทำกุญแจหายระบบไขกุญแจ: เหมาะสำหรับบ้านที่มีสมาชิกจำนวนไม่เยอะ ช่วยลดปัญหาการลืมรหัส อย่างไรก็ตาม ทั้งสองระบบมีข้อดีแตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกใช้ควรพิจารณาจาก จำนวนผู้ใช้งาน ความสะดวก และระดับความปลอดภัยที่ต้องการรูปทรงและขนาดสุดท้ายคือ การพิจารณารูปทรงของห่วงกุญแจ และขนาดของกุญแจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรเลือกให้สอดคล้องกับหูช้างของประตู หากห่วงกุญแจมีขนาดใหญ่เกินไป อาจทำให้การล็อคไม่พอดี หรือไม่สะดวกในการใช้งาน ในขณะเดียวกัน หากขนาดเล็กเกินไป ก็อาจไม่สามารถทนทานต่อแรงตัดหรือแรงงัดได้ 4 อันดับ แม่กุญแจสำหรับล็อคภายนอก คุณภาพเยี่ยมการเลือกใช้แม่กุญแจล็อคประตูภายนอกบ้านที่เหมาะสม ในช่วงวันสงกรานต์ อาจเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจาก หลายคนอาจไม่ทราบว่า ควรเลือกผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ใด ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่แนะนำ  ดังนั้น เพื่อป้องกันบ้านจากการโจรกรรม ในช่วงเวลาที่ไม่อยู่บ้าน Naradee จึงได้จัดอันดับกุญแจที่เหมาะสม และมีคุณสมบัติในการป้องกันบ้านในระยะยาว ดังนี้Master Lock M1TRILHMaster Lock M1TRILH คือ ตัวเลือกยอดนิยมจากรุ่น “Excell” เป็นกุญแจปลดล็อคได้ง่ายด้วยระบบไขกุญแจ โดยผลิตจากสเตนเลสสตีลที่มีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถป้องกันการเกิดสนิม  ซึ่งตัวห่วงกุญแจทำจากโบรอนคาร์ไบด์ มีคุณสมบัติต้านทานการตัด หรือการเลื่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบล็อคลูกปืนคู่ (dual ball bearing) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการล็อคปลอดภัยจากการงัดแงะMaster Lock M1BDLFMaster Lock M1BDLF เป็นกุญแจจากรุ่น “Excell” ที่โดดเด่นในเรื่องความปลอดภัยสูงสุด โดยตัวแม่กุญแจผลิตจากลามิเนตสตีลหุ้มด้วยทองเหลือง ซึ่งทำให้มีทั้งความแข็งแรง และดีไซน์ที่สวยงาม  สำหรับห่วงกุญแจทำจากโลหะผสมโบรอนที่ทนทาน และมีคุณสมบัติต้านทานการตัดหรือการงัดแงะได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับระบบล็อคแบบลูกปืนคู่ และระบบล็อคแบบสลักคู่ (dual lock levers) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานล็อคประตูนอกบ้านMaster Lock M515DLHMaster Lock M515DLH เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากรุ่น “Excell” ที่มาพร้อมระบบปลดล็อคด้วยการไขกุญแจ ตัวกุญแจผลิตจากลามิเนตสตีล หุ้มด้วยเทอร์โมพลาสติกหรือไวนิล เพื่อเพิ่มความทนทานต่อสภาพอากาศ และการใช้งานในระยะยาว  ในส่วนห่วงกุญแจทำจากโบรอนคาร์ไบด์ ซึ่งเป็นวัสดุเอกลักษณ์เฉพาะจาก Master Lock ที่ช่วยป้องกันการตัด และการทำลายได้ นอกจากนี้ ยังใช้ระบบล็อคลูกปืนคู่ ซึ่งช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยสูงสุด ลดความเสี่ยงจากการถูกงัด หรือดึงออกได้ง่ายMaster lock M176Master Lock M176 เป็นกุญแจคล้องแบบ 2 ระบบจากตระกูล “Excell” ที่ให้ทั้งความปลอดภัย และความสะดวกในการใช้งาน ตัวแม่กุญแจผลิตจากโลหะซิงค์ที่มีความแข็งแรง และทนทานต่อการกัดกร่อน  โดยห่วงกุญแจทำจากโบรอนคาร์ไบด์ ซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้าชุบแข็งถึง 50% ทำให้สามารถต้านทานการตัด และการเลื่อย นอกจากนี้ ยังรองรับการปลดล็อคได้ทั้งแบบตั้งรหัส และใช้กุญแจไข เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาแม่กุญแจล็อคประตูคุณภาพสูง ในช่วงหยุดยาววันสงกรานต์ อย่าลืมเลือก Master Lock แบรนด์ชั้นนำจาก USA ที่นำเข้าโดย Naradee รับประกันความปลอดภัยและความทนทาน สนใจสามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ Line: @naradeeWebsite: Naradee.comProduct Category: Master LockShopee: Naradee StoreLazada: Naradee StoreInbox: Naradee Store 
เทคนิคเลือกแม่กุญแจ ให้พร้อมสำหรับการเดินทางช่วงวาเลนไทน์

28 เมษายน 2568

เทคนิคเลือกแม่กุญแจ ให้พร้อมสำหรับการเดินทางช่วงวาเลนไทน์
ในช่วงวันวาเลนไทน์ คู่รักหลายคู่มักเลือกใช้โอกาสพิเศษนี้ ในการเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ โดยคู่รักส่วนมาก นิยมเดินทางไปคล้องกุญแจตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้มีการจัดเตรียมไว้ สำหรับคู่รักโดยเฉพาะ เพื่ออธิษฐานให้ความรักยืนยาว และอยู่เคียงข้างกันตลอดไป อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของทรัพย์สินเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งเป็นรูปแบบการเดินทางยอดนิยม ที่อาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม ดังนั้น การเลือกใช้แม่กุญแจที่มีคุณภาพ และเหมาะสมกับกระเป๋าเดินทาง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ในการปกป้องทรัพย์สินของคุณได้ ในบทความนี้ Naradee ขอมาแชร์ทริคเตรียมความพร้อมในด้านความปลอดภัยก่อนการเดินทาง พร้อมแนะนำวิธีเลือกแม่กุญแจที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกการเดินทางของคุณปลอดภัยและไร้กังวล ถ้าพร้อมกันแล้ว ไปดูกันแชร์ทริค เดินทางบนรถไฟให้ปลอดภัย หมดปัญหาของหายการเดินทางด้วยรถไฟในบางครั้ง อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุโจรกรรม เนื่องจาก กระเป๋าสัมภาระ หรือสิ่งของมีค่ามักถูกจัดเก็บไว้ในพื้นที่ที่ห่างจากที่นั่งของผู้โดยสาร ทำให้การดูแลทรัพย์สินอาจทำได้ยากขึ้น ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ผู้เดินทางด้วยรถไฟ ควรเตรียมพร้อม ดังนี้เก็บเอกสารสำคัญไว้กับตัวสิ่งแรกที่สำคัญที่สุด คือ การเก็บเอกสารสำคัญไว้กับตัว เช่น บัตรประชาชน บัตรเครดิต หรือเอกสารเดินทางอื่น ๆ ควรจัดเก็บสิ่งของสำคัญไว้ในกระเป๋าขนาดเล็ก ที่สามารถพกติดตัวได้ตลอดเวลา  ทั้งนี้ การมีเอกสารสำคัญใกล้ตัว ไม่เพียงช่วยลดความกังวล แต่ยังทำให้สามารถหยิบใช้ได้สะดวก ในกรณีฉุกเฉินได้อีกด้วยปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างรัดกุมการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยของรถไฟ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็มีมารยาทพื้นฐาน เพื่อให้การใช้บริการรถไฟได้ปลอดภัย โดยตัวอย่างของการปฏิบัติตามกฎ ได้แก่ การจัดเก็บสัมภาระในพื้นที่ที่กำหนด ไม่วางสิ่งของกีดขวางทางเดิน และการเคารพสิทธิของผู้โดยสารคนอื่น เป็นต้นนำแม่กุญแจ หรือที่ล็อคจักรยานมาใช้งานอีกหนึ่งไอเทมที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับกระเป๋าเดินทาง คือ การใช้แม่กุญแจสำหรับล็อคกระเป๋า ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกขโมยกระเป๋าระหว่างการเดินทาง  ทั้งนี้ นอกจากใช้งานแม่กุญแจทั่วไปแล้ว อาจนำที่ล็อคจักรยานมาประยุกต์ใช้กับการคล้องล็อคกระเป๋าสัมภาระได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการล็อคกระเป๋ากับโครงสร้างหรือที่ยึดต่าง ๆ เช่น ชั้นวางของในรถไฟ หรือสถานที่พักชั่วคราว วิธีนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินของคุณสูญหายระหว่างการเดินทาง สำหรับใครที่กำลังมองหาแม่กุญแจ สำหรับล็อคกระเป๋าเดินทางที่ตอบโจทย์ ทั้งในด้านความแข็งแรง และความสะดวกในการใช้งาน ขอแนะนำผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก Naradee ซึ่งมีอุปกรณ์ล็อคหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรรไอเดียเลือกแม่กุญแจ ให้ปลอดภัยทุกการเดินทางการเตรียมความพร้อมในด้านความปลอดภัย ก่อนการเดินทางสามารถช่วยให้คุณ และคนรักเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวได้อย่างไร้กังวล โดยมั่นใจในความปลอดภัยของสัมภาระคุณ ดังนั้น เราขอแนะนำวิธีเลือกแม่กุญแจที่เหมาะสม ดังนี้ขนาด และน้ำหนักที่เหมาะสมนอกเหนือจากเรื่องความทนทาน สิ่งจำเป็นที่ต้องคำนึงถึง เมื่อเลือกซื้อแม่กุญแจคล้องกระเป๋าเดินทาง ควรเลือกกุญแจที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อความสะดวกในการพกพา อีกทั้งควรเลือกกุญแจขนาดเล็กพอดีกับช่องซิป หรือที่ล็อคของกระเป๋าราคาย่อมเยาการเลือกกุญแจคล้องกระเป๋า ไม่จำเป็นต้องเลือกแม่กุญแจที่ราคาแพงเกินไป แต่ควรคุ้มค่ากับคุณภาพ และการใช้งาน โดยให้ความสำคัญกับความสะดวกในการใช้งาน เช่น กุญแจแบบรหัส เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการพกกุญแจแยก หรือหากเลือกกุญแจแบบใช้ลูกกุญแจไข ควรมีลูกกุญแจสำรองเผื่อกรณีฉุกเฉินการออกแบบที่สวยงาม เข้ากับดีไซน์กระเป๋าสำหรับคู่รัก ที่มองหาแม่กุญแจใช้เดินทางช่วงวันวาเลนไทน์ อาจเลือกกุญแจดีไซน์โรแมนติก เช่น รูปหัวใจสีแดง หรือเลือกแบบที่มีข้อความพิเศษ เพื่อเป็นของที่ระลึกในโอกาสนี้ ซึ่งนอกจากจะนำมาคล้องกระเป๋าได้แล้ว ยังเหมาะกับการนำกุญแจไปคล้องตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ของคู่รักได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยสูงสุด อาจเลือกแม่กุญแจที่ไม่มีสีสันฉูดฉาด หรือมีลวดลายโดดเด่นมากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจของผู้ไม่หวังดีแนะนำแม่กุญแจ 6 รุ่น เสริมความปลอดภัยให้กับกระเป๋าเดินทางหากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ล็อค ที่ช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับกระเป๋าเดินทาง แนะนำให้ใช้กุญแจสำหรับล็อคกระเป๋าระบบ TSA โดยเฉพาะ เพื่อให้สัมภาระในกระเป๋าปลอดภัย พร้อมเดินทางไปทั่วทุกมุมโลก ในขณะเดียวกัน แม่กุญแจล็อคจักรยาน ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีความแข็งแรง และทนทาน อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้หลากสถานการณ์ โดยทาง Naradee ขอนำเสนอแม่กุญแจล็อคจักรยาน และกุญแจล็อคกระเป๋า ที่เหมาะสำหรับการใช้งานกับกระเป๋าเดินทาง ดังนี้Master lock 8143EURDProMaster lock 8143EURDPro เป็นกุญแจล็อคจักรยาน ที่มีสายเคเบิลยาว 1.2 เมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 มม. ซึ่งทำจากเหล็กถักแข็งแรง และหุ้มด้วยไวนิล เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน ทั้งนี้ ตัวแม่กุญแจ มีรหัสล็อคแบบตายตัว 4 หลักที่ตั้งมาจากโรงงาน และไม่สามารถเปลี่ยนได้ Master lock 8221EURDProMaster lock 8221EURDPRO เป็นสายเคเบิลคล้องขนาดความยาว 1.8 เมตร มาพร้อมตัวล็อคแบบรหัสที่สามารถตั้งรหัสส่วนตัวได้ถึง 4 หลัก ช่วยให้คุณหมดกังวลเรื่องการพกพากุญแจ ด้วยระบบการตั้งรหัสที่สะดวก และปลอดภัย  นอกจากนี้ สายเคเบิลทำจากเหล็กถักที่ทนทานต่อการตัด และมีความยืดหยุ่นสูงในการใช้งาน จึงเหมาะสำหรับการล็อคกระเป๋าเดินทาง หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ Master lock 8126EURDProMaster lock 8126EURDPro เป็นอีกหนึ่งกุญแจล็อคจักรยาน ที่มีสายเคเบิลยาว 1.8 เมตร ทำจากเหล็กถักแข็งแรง และหุ้มด้วยไวนิล เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน   โดยมีระบบล็อคแบบกุญแจ ที่มีความต้านทานการงัดแงะสูง อีกทั้งยังมาพร้อมกับแม่กุญแจสำรอง ที่สามารถใช้แทนกันได้ในกรณีที่จำเป็น ทำให้คุณมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด สำหรับกระเป๋าเดินทางMaster Lock 4692EURDBRNMaster Lock 4692EURDBRN กุญแจคล้องทีเอสเอ (TSA-accepted combination lock) สำหรับกระเป๋าเดินทาง ดีไซน์หรูหรา หุ้มด้วยหนังเทียมสุดคลาสสิก ขนาดกะทัดรัด และใช้งานง่าย โดดเด่นด้วยระบบล็อคที่สามารถตั้งรหัสเองได้ถึง 3 หลัก มั่นใจได้เรื่องความปลอดภัย เพราะกุญแจล็อคกระเป๋าเดินทางรุ่นนี้ ตัวกุญแจทำจากโลหะแข็งแรง ทนทาน และสีของตัวล็อค ทำให้การระบุกระเป๋าเดินทางง่ายขึ้น ทั้งยังผ่านมาตรฐานระบบรักษาความปลอดภัย TSA สำหรับเดินทางไปยังประเทศที่มีกาตรวจสอบเข้มงวด Master Lock 4680EURDNKLMaster Lock 4680EURDNKL เป็นกุญแจคล้องทีเอสเอ (TSA-accepted combination lock) สีนิกเกิลเรียบง่าย เหมาะกับการคล้องกระเป๋าเดินทางไปทุกที่ ตรงตามมาตรฐานระบบรักษาความปลอดภัย TSA สำหรับการเดินทางไปยังประเทศที่มีการตรวจสอบเข้มงวด เช่น สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ กุญแจล็อคกระเป๋ารุ่นดังกล่าว ยังให้ความปลอดภัย ด้วยระบบล็อคที่สามารถตั้งรหัสเองได้ถึง 3 หลัก และตัวกุญแจทำจากโลหะที่ทนทาน แป้นรหัสอยู่ด้านหน้า ทำให้ผู้ใช้งานมองเห็นกุญแจได้ง่ายขึ้น Master Lock 4688EURDปิดท้ายกันด้วย Master Lock 4688EURD กุญแจคล้องทีเอสเอ (TSA-accepted combination lock) สำหรับกระเป๋าเดินทาง ขนาดกะทัดรัด สีสันสดใส ทำให้การระบุกระเป๋าเดินทางง่ายขึ้น รวมถึงสายคล้องเคเบิลยืดยุ่นได้ ตอบโจทย์การเดินทางในทุกรูปแบบ  โดดเด่นด้วยระบบล็อคด้วยรหัส 3 หลัก และตั้งรหัสส่วนตัวได้อย่างอิสระ มั่นใจเรื่องความทนทานได้ จากตัวล็อคที่ทำจากวัสดุโลหะแข็งแรง และคงทน ทั้งยังตรงตามมาตรฐานระบบรักษาความปลอดภัย TSA สำหรับการเดินทาง ไปยังประเทศที่มีการตรวจสอบเข้มงวด เช่น สหรัฐอเมริกา สำหรับใครที่ต้องการแม่กุญแจ หรือกุญแจคล้องจักรยาน มารักษาสิ่งของมีค่าต่าง ๆ ในกระเป๋าเดินทางของคุณ ขอแนะนำแม่กุญแจ Master Lock  จากทาง Naradee หากสนใจ หรือต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสินค้ากุญแจทุกรูปแบบ ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ Line: @naradeeWebsite: Naradee.comProduct Category: Master LockInbox: Naradee Store
เคล็ดลับ เลือกเซฟกันไฟที่ดีที่สุดสำหรับบ้าน ในช่วงฤดูแล้ง

28 เมษายน 2568

เคล็ดลับ เลือกเซฟกันไฟที่ดีที่สุดสำหรับบ้าน ในช่วงฤดูแล้ง
ในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้หลายพื้นที่ในประเทศไทย มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย และไฟป่า เนื่องจาก สภาพอากาศร้อนส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านทำงานหนัก ซึ่งหากใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ในที่สุด  ในบทความนี้ Naradee จะพาทุกคนมาดูชนวนเหตุสำคัญ ที่ทำให้ฤดูแล้งเกิดเหตุอัคคีภัยได้ง่าย พร้อมกับแชร์เทคนิคเลือกตู้เซฟกันไฟ ให้เหมาะกับการติดตั้งภายในบ้าน เพื่อให้เจ้าของบ้านเตรียมพร้อมรับมือกับอุบัติเหตุอยู่เสมอ หากพร้อมแล้ว เราไปดูกันได้เลยสาเหตุที่ฤดูแล้ง เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อเหตุอัคคีภัยสำหรับผู้ที่รับชมข่าวเป็นประจำ หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้ภูเขา รวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกที่มีบ้านเก่าเป็นจำนวนมาก จะสังเกตเห็นได้ว่าในช่วงฤดูร้อน ถือเป็นฤดูกาลที่เกิดไฟไหม้ป่า และเหตุไฟไหม้ลัดวงจรตามบ้านเรือน ได้ง่ายกว่าช่วงฤดูอื่น โดยสาเหตุของการเกิดอัคคีภัยนั้น ก็มาจากหลายสาเหตุทั้งจากธรรมชาติ และจากมนุษย์เอง ไม่ว่าจะเป็น เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่ายฤดูร้อน เป็นช่วงที่มีปริมาณการใช้ไฟมากกว่าปกติ ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว หากอุปกรณ์ไฟฟ้า และสายไฟเสื่อมสภาพ จะส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดเพลิงไหม้ได้ตลอดเวลา รวมถึงสร้างความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไม่ได้เกิดจากอุณหภูมิของเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ร้อนกว่าปกติเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ไฟฟ้าขั้วต่อหลวม การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้เป็นเวลานาน ทำให้ไฟฟ้าเกิดการช็อต จนเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ภายในบ้านได้ในที่สุดการจุดธูปเทียนบูชาพระสาเหตุสุดท้ายที่หลายคนมองข้าม และไม่คาดว่าจะเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ คงจะหนีไม่พ้นการจุดธูปเทียนบูชาพระ และการเผากระดาษเงินกระดาษทอง รวมถึงการจุดยากันยุงภายในบ้าน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการที่เจ้าของบ้าน จุดไฟแล้วไม่ได้ดับไฟ ปล่อยให้ไฟดับไปเอง ทำให้ไฟลุกลามไปติดวัสดุอื่น หรือลุกลามไปถูกสายไฟการใช้เตาแก๊ส และเตาไฟฟ้าปรุงอาหารรู้หรือไม่? ความประมาทเลินเล่อในห้องครัว ก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย เพราะหากเปิดเตาแก๊ส หรือเตาไฟฟ้า โดยที่ไม่ได้เฝ้าหน้าตา อาจทำให้น้ำในอาหารที่ปรุงอยู่ค่อย ๆ แห้งไป หรือเกิดแก๊สรั่ว ส่งผลให้เกิดเหตุไฟไหม้บ้านได้ในที่สุดการเผาขยะ และหญ้าแห้งนอกเหนือจากเหตุไฟฟ้าลัดวงจรแล้ว การเผาขยะ หญ้าแห้ง เผาไร่ รวมถึงเผากำจัดวัชพืช เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับเพาะปลูก โดยไม่ระมัดระวัง และไม่ทำแนวกันไฟ ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟไหม้ในวงกว้าง เพราะไฟอาจลุกลามเข้าไปไหม้ป่า หรือบ้านเรือนในละแวกใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังส่งผลให้เกิดปัญหากลุ่มควัน ลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณอีกด้วย  ทั้งนี้ สำหรับบ้านที่มีสนามหญ้า ควรระมัดระวังการปาร์ตี้ปิ้งย่างบริเวณสนามหญ้า และการดับไฟหลังทานปิ้งย่างไม่สนิท รวมถึงการทิ้งขี้บุหรี่ หรือก้นบุหรี่ขณะที่ไฟยังดับไม่สนิท อาจเกิดสะเก็ดไฟตกลงบนพื้นหญ้าที่แห้ง ส่งผลให้ไฟไหม้ลุกลามได้อย่างรวดเร็วไฟป่าในหลายพื้นที่อย่างที่ทราบกันดีว่า สภาพอากาศในช่วงฤดูร้อนมีความแห้งแล้ง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่ามากกว่าช่วงฤดูอื่น โดยไฟป่ามักจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า กิ่งไม้เสียดสีกัน ก้อนหินกระทบกัน แสงแดดตกกระทบผลึกหิน แสงแดดส่องผ่านหยดน้ำ และปฏิกิริยาเคมีในดินป่าพรุ รวมถึงสาเหตุจากการลืมดับไฟของมนุษย์ นอกจากนี้ การหาของป่า ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดไฟป่า ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่มองข้าม เพราะส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้วิธีการจุดไฟเพื่อหาของป่า เช่น ตีผึ้ง เก็บไข่มดแดง ผักหวาน หน่อไม้ เห็ด และใบตองตึง แล้วลืมดับไฟให้สนิทก่อนออกจากป่า ทำไมตู้เซฟกันไฟ ถึงจำเป็นสำหรับทุกบ้านเมื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนวนเหตุของอัคคีภัย ในช่วงฤดูแล้งกันไปแล้ว คราวนี้ลองมาดูกันบ้างว่า ตู้เซฟกันไฟเข้ามาช่วยปกป้องทรัพย์สินสำคัญ ให้ปลอดภัยจากเหตุเพลิงไหม้ในบ้านเรือนได้อย่างไร เพื่อตอบคำถามในใจว่า ตู้เซฟที่มีความสามารถในการกันไฟเฉพาะ จำเป็นต่อการใช้งานในบ้านอย่างไรบ้างเตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉินเพราะเหตุอัคคีภัย ถือเป็นภัยธรรมชาติ และภัยจากมนุษย์ที่ไม่สามารถระบุได้ ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้น การมีตู้เซฟกันไฟไว้ใช้งานในบ้าน จึงเข้ามาช่วยปกป้องดูแลทรัพย์สินส่วนตัวให้ปลอดภัย และลดความเสี่ยงต่อการถูกเพลิงไหม้ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เจ้าของบ้านก็ไม่ต้องเสียทรัพย์สินมูลค่าสูงไปพร้อมกับเหตุอัคคีภัยสามารถกันไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพตู้เซฟกันไฟที่มีคุณภาพ และป้องกันไฟได้จริง จะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก UL หรือ Underwriters Laboratories ซึ่งเป็นหน่วยงานทดสอบ และรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัย ของประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ทนความร้อนได้นานตั้งแต่ 30 นาที ไปจนถึง 2 ชั่วโมง ที่ระดับอุณหภูมิ 843 - 1,010 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ในกรณีที่อาคารเกิดการทรุดตัวจากเพลิงไหม้ ตู้เซฟยังสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ ในระดับความสูง 30 ฟุต ทำให้มั่นใจได้ว่าหากเลือกตู้เซฟคุณภาพดีมาใช้งาน จะช่วยปกป้องทรัพย์สินจากเพลิงไหม้ และระยะเวลาในการป้องกันไฟ เพียงพอต่อการเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วยดับไฟอย่างแน่นอนมั่นใจได้เรื่องความแข็งแรง ทนทานเซฟกันไฟส่วนใหญ่ ทำมาจากเหล็กกล้าที่เสริมความแข็งแกร่ง และผ่านการรับรองจากหน่วยงานในระดับสากล ว่าเซฟที่นำขายสู่ท้องตลาด มีความแข็งแรง และทนทานต่อการเกิดอุบัติเหตุในทุกสถานการณ์  ไม่ว่าจะเป็น เหตุเพลิงไหม้ น้ำท่วม หรือการโจรกรรมได้เป็นอย่างดี เพียงเท่านี้เจ้าของบ้านก็มั่นใจได้ว่า ตู้เซฟที่เลือกมาใช้งานสามารถป้องกันน้ำ และไฟ รวมถึงการโจรกรรมได้จริง สำหรับใครที่กำลังมองหาตู้เซฟกันไฟ มาใช้งานในบ้าน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยร้ายทุกสถานการณ์ ขอแนะนำตู้เซฟจาก SentrySafe เพราะเรามีตู้เซฟให้เลือกมากมาย ครอบคลุมทุกความต้องการของคุณ หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่ Line: @naradeeแนะนำ เซฟกันไฟยอดนิยม ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ประจำปี 2025หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า ตู้เซฟกันไฟมีความจำเป็นต่อครัวเรือนอย่างไรบ้าง เชื่อว่าเจ้าของบ้านคงอยากสั่งซื้อตู้เซฟมาใช้งานในบ้านกันแล้ว หากใครยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกเซฟยี่ห้อไหนดี ก็ไม่ต้องกังวลกันไป เพราะ Naradee ได้เตรียมตู้เซฟกันไฟยอดนิยม ประจำปี 2025 มาให้ทุกคนทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่SentrySafe SFW123UVCตู้เซฟ SentrySafe รุ่น SFW123UVC เป็นตู้เซฟกันไฟที่มาพร้อมกับฟังก์ชันเสียงแจ้งเตือนหากเซฟถูกเคลื่อนย้าย หรือยก โครงสร้างทำจากเหล็กกล้าเสริมความแกร่ง พร้อมกับคุณสมบัติการกันไฟได้ยาวนานถึง 1 ชั่วโมง ในอุณหภูมิ 1700°F/927°C ทำให้ปกป้องเอกสารข้อมูล และของมีค่าให้ปลอดภัยจากเพลิงไหม้ โดยผ่านการรับรองจากหน่วยงาน UL ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วว่า สามารถป้องกันไฟได้จริง นอกจากนี้ ยังผ่านการทดสอบจากหน่วยงาน UL ในกรณีที่ตู้เซฟตกจากที่สูง 15 ฟุต หรือ 4.5 เมตร โดยที่บานประตูตู้เซฟยังเปิดอยู่ รวมถึงผ่านการทดสอบคุณสมบัติการป้องกันน้ำ จากหน่วยงาน ETL สามารถป้องกันน้ำได้ในระดับความสูง 8 นิ้ว ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง โดยภายในเซฟสามารถปรับระดับชั้นเก็บของภายในได้ตามความต้องการSentrySafe SFW205UPCตู้เซฟ SentrySafe รุ่น SFW205UPC เป็นระบบล็อค 2 ชั้น ได้แก่ รหัสแบบดิจิตอลทัชสกรีน และการไขกุญแจ จึงตอบโจทย์การป้องกันการโจรกรรม กันไฟ และกันน้ำโดยเฉพาะ ทำให้ทรัพย์สินมีค่าของคุณปลอดภัยต่อทุกภัยร้ายที่อาจเกิดขึ้น โดดเด่นด้วยคุณสมบัติการกันไฟได้ยาวนานถึง 1 ชั่วโมง ในอุณหภูมิ 1700°F/927°C ที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงาน UL ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงผ่านการทดสอบคุณสมบัติการป้องกันน้ำ จากหน่วยงาน ETL สามารถป้องกันน้ำได้ในระดับความสูง 8 นิ้ว ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็นตู้เซฟกันไฟที่ครบครัน เหมาะกับการยุคใหม่อย่างแท้จริงSentrySafe SFW082GTCตู้เซฟ SentrySafe รุ่น SFW082GTC เป็นตู้เซฟกันไฟที่เหมาะกับบ้าน และธุรกิจขนาดเล็กอย่างยิ่ง ด้วยคุณสมบัติการกันไฟได้ยาวนานถึง 1 ชั่วโมง ในอุณหภูมิ 1700°F/927°C ที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงาน UL ประเทศสหรัฐอเมริกา และผ่านการทดสอบคุณสมบัติการป้องกันน้ำ จากหน่วยงาน ETL สามารถป้องกันน้ำได้ในระดับความสูง 5 นิ้ว ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ปลอดภัยด้วยสลักกลอนขนาด 1 นิ้ว จำนวน 3 ตัว ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสลักกลอนของตู้เซฟนิรภัยทั่วไปถึง 60% และคานเสริมแถบบานพับ เพื่อป้องกันการงัด ทั้งยังมีระบบล็อค 2 ชั้น ได้แก่ รหัสแบบปุ่มกดดิจิตอล และกุญแจ นอกจากนี้ ลิ้นชักภายในเซฟสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ SentrySafe SFW123BSCตู้เซฟ SentrySafe รุ่น SFW123BSC ดีไซน์โมเดิร์นที่มาพร้อมกับฟังก์ชันสแกนลายนิ้วมือ และรหัสดิจิตอล โดดเด่นด้วยคุณสมบัติป้องกันไฟได้ยาวนานถึง 1 ชั่วโมง ในอุณหภูมิ 1700°F/927°C ที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงาน UL ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงผ่านการทดสอบคุณสมบัติการป้องกันน้ำ จากหน่วยงาน ETL สามารถป้องกันน้ำได้ในระดับความสูง 8 นิ้ว ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง โครงสร้างของเซฟทำจากเหล็กกล้าเสริมความแกร่ง เพียบพร้อมด้วยที่แขวนกุญแจ ถาดวางของ และช่องเก็บของติดกับประตู สำหรับจัดเก็บของชิ้นเล็ก ๆ จึงเหมาะกับการใช้งานในบ้านอย่างยิ่งSentrySafe STW123GDCตู้เซฟ SentrySafe รุ่น STW123GDC ถูกออกแบบมาเพื่อเก็บทรัพย์สินมีค่าให้ปลอดภัย ด้วยคุณสมบัติป้องกันไฟยาวนานถึง 2 ชั่วโมง ในอุณหภูมิ 850°F/1010°C รวมถึงผ่านการทดสอบคุณสมบัติการป้องกันน้ำ จากหน่วยงาน ETL สามารถป้องกันน้ำได้ในระดับความสูง 8 นิ้ว ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง  นอกเหนือจากคุณสมบัติการป้องกันน้ำ และกันไฟได้แล้ว ตู้เซฟรุ่นนี้ยังโดดเด่นด้วยระบบล็อคแบบรหัสปุ่มกด และกุญแจ ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยโครงสร้างเซฟจากเหล็กกล้า และสลักกลอนขนาด 1 นิ้ว จำนวน 4 ตัว ที่มีขนาดใหญ่กว่าสลักกลอนของตู้นิรภัยทั่วไปถึง 60% เป็นอย่างไรกันบ้าง กับเคล็ดลับการเลือกตู้เซฟกันไฟ ให้เหมาะกับการใช้งานในบ้านภายในช่วงฤดูแล้ง เพื่อปกป้องทรัพย์สินมีค่า ให้ปลอดภัยจากเหตุเพลิงไหม้ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ รับรองได้ว่าหากใครได้นำทริคต่าง ๆ ไปพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อตู้เซฟ ทรัพย์สินของคุณจะปลอดภัยจากทุกภัยร้ายอย่างแน่นอน สำหรับใครที่ต้องการซื้อตู้เซฟกันไฟ มารักษาสิ่งของมีค่าต่าง ๆ ขอแนะนำ SentrySafe จากทาง Naradee หากสนใจ หรือต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสินค้าตู้เซฟทุกรูปแบบ ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ Line: @naradeeWebsite: Naradee.comProduct Category: Master LockInbox: Naradee Store
จบปัญหาเอกสารสำคัญเสียหาย ด้วยตู้เซฟนิรภัยจาก SentrySafe

28 เมษายน 2568

จบปัญหาเอกสารสำคัญเสียหาย ด้วยตู้เซฟนิรภัยจาก SentrySafe
หากพูดถึงสิ่งของมีค่า หลายคนอาจนึกถึงเงินสด หรือเครื่องประดับราคาแพง แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่มีค่าไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “เอกสารสำคัญ” เนื่องจาก กระดาษเหล่านี้ อาจเป็นหลักฐานทางกฎหมายหรือการเงิน เช่น โฉนดที่ดิน เอกสารทางการเงิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีมูลค่าไม่ต่างจากทรัพย์สินอื่น ๆ ดังนั้น การจัดเก็บเอกสาร จำเป็นต้องเลือกเก็บในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการสูญหาย เสียหาย หรือถูกขโมย ทำให้การใช้งานตู้เซฟ จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด  ในบทความนี้ Naradee จะขอพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า เอกสารประเภทไหนบ้าง ควรเก็บไว้ในตู้เซฟนิรภัย พร้อมแนะนำตู้เซฟที่เหมาะกับการใช้งาน ถ้าพร้อมกันแล้ว ไปดูกันเลยไขข้อสงสัย เอกสารแบบใดบ้าง ? ควรเก็บไว้ในตู้เซฟนิรภัยเอกสาร คือ หนังสือหรือกระดาษที่ใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งมักมีข้อมูลสำคัญ และต้องลงลายเซ็นกำกับ เพื่อยืนยันความถูกต้อง ซึ่งในปัจจุบันเอกสาร ยังคงถูกจัดทำในรูปแบบของกระดาษเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม กระดาษเป็นวัสดุที่เปราะบาง และเสี่ยงต่อความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็น ความชื้น ไฟไหม้ หรือการฉีกขาด ทำให้การจัดเก็บเอกสารไว้ในตู้เซฟนิรภัย ถือเป็นตัวเลือกแรกที่ควรมองหา สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ทราบว่าเอกสารแบบใดควรเก็บรักษาให้ดี เรามีเช็กลิสต์เอกสารมาให้พิจารณา ดังนี้ โฉนดที่ดินเริ่มกันที่ “โฉนดที่ดิน” เป็นสิ่งที่เจ้าบ้านต้องมีแน่นอน ซึ่งบางท่านอาจมีมากกว่า 1 ฉบับ ทั้งนี้ ในกรณีที่โฉนดที่ดินหาย หรือชำรุด นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ และสร้างความยุ่งยาก ในการติดต่อทำโฉนดที่ดินฉบับใหม่ โดยจะต้องไปลงบันทึกประจำวันกับเจ้าพนักงานปกครองท้องถิ่น พร้อมกับพยาน 2 คน สำหรับการยื่นขอคัดโฉนดใหม่ หรือที่เรียกว่าใบแทน ซึ่งใช้ระยะเวลานาน 42-45 วันผลการศึกษาถัดมากับ “ผลการศึกษา” ไม่ว่าจะเป็น ของตัวคุณเอง หรือคนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่ยังอยู่ช่วงเรียน หรือในช่วงกำลังสร้างตัว ผลการศึกษายังคงจำเป็นต่อการใช้สมัครเรียน หรือสมัครทำงาน ซึ่งในบางอาชีพ  โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ ยังคงเรียกดูระดับการศึกษาในการสมัครงาน แต่ในหลายบ้าน มักพบปัญหาในการค้นหาเอกสารค่อนข้างนาน เมื่อต้องการนำมาใช้ หากไม่อยากเกิดปัญหาดังกล่าว ควรหาพื้นที่จัดเก็บผลการศึกษาของทุกคนไว้ในที่เดียวกัน หรือเก็บภายในตู้เซฟทะเบียนบ้านสำหรับ “ทะเบียนบ้าน” ก็ถือเป็นหนึ่งในเอกสารราชการที่มีความสำคัญสำหรับการทำธุรกรรมทางกฎหมาย เนื่องจาก ใช้เป็นหลักฐานยืนยันที่อยู่ของบุคคล ทำให้การเก็บรักษาทะเบียนให้ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม  ทั้งนี้ แม้ปัญหาการสูญหายของทะเบียน อาจไม่ส่งผลเท่ากับโฉนดที่ดิน แต่ก็สามารถสร้างความลำบากได้ เมื่อต้องใช้ทะเบียนบ้านในการดำเนินเรื่องทางกฎหมาย ยามจำเป็นเอกสารทางการเงินในส่วนกลุ่ม “เอกสารทางการเงิน” เช่น สมุดบัญชี เช็ค ใบสัญญา หรือเอกสารการกู้ยืม โดยเอกสารเหล่านี้มีมูลค่าสูง และมีความสำคัญในการทำธุรกรรมทางการเงิน หากเกิดการสูญหาย  โดยส่วนใหญ่แล้ว จำเป็นต้องแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อป้องกันการถูกนำไปใช้จากผู้ไม่หวังดี ทำให้การนำตู้เซฟนิรภัยมาจัดเก็บเอกสารทางเงิน จึงสามารถลดความเสี่ยง จากการสูญหาย หรือการถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต เอกสารส่วนตัวเอกสารสำคัญสุดท้าย คือ “เอกสารส่วนตัว” เช่น ใบสูติบัตร ทะเบียนสมรส เอกสารแสดงสถานะทางทหาร หรือพาสปอร์ต ซึ่งเอกสารเหล่านี้มีความสำคัญมาก ในการทำธุรกรรมทางการเงิน การสมัครงาน หรือการได้รับสิทธิต่าง ๆ ดังนั้น การนำตู้เซฟมาใช้จัดเก็บ จึงช่วยรักษาความปลอดภัยของเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ใครที่กำลังมองหาตู้เซฟนิรภัย สำหรับจัดเก็บเอกสารสำคัญ ก็ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ SentrySafe แบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในด้านความปลอดภัยและทนทาน โดย SentrySafe นำเข้าโดย Naradee มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ครอบคลุมทุกความปลอดภัยจากผู้ไม่หวังดี และภัยธรรมชาติทริคจัดเก็บเอกสารภายในตู้เซฟนิรภัย ให้ปลอดภัยและเป็นระเบียบการจัดเก็บเอกสารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่เพียงแค่จัดเก็บในตู้เซฟเท่านั้น แต่รวมไปถึงการจัดระเบียบ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา โดยทริคการจัดเก็บเอกสารภายในตู้เซฟ มีดังนี้แยกหมวดหมู่ขั้นตอนแรกในการจัดเก็บเอกสาร ควรคัดแยกเอกสารตามความสำคัญ เพื่อลดปริมาณการจัดเก็บ จากนั้นนำเอกสารที่สำคัญ มาแบ่งออกเป็นกลุ่ม เช่น เอกสารส่วนตัวที่ราชการออกให้, เอกสารการเรียน, เอกสารทางการเงิน และเอกสารส่วนตัว จัดระเบียบเอกสารตามปีหากเอกสารสำคัญในแต่ละหมวดมีจำนวนมาก ควรจัดระบบการจัดเก็บให้เป็นระเบียบ โดยเริ่มจาก การแบ่งเอกสารตามชื่อเจ้าของ จากนั้นเรียงลำดับตาม วัน เดือน และปี เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา และใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น  อีกทั้งวิธีนี้ยังช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้นว่า เอกสารฉบับใดสูญหาย หรือขาดตกบกพร่อง ทำให้สามารถดำเนินการแก้ไข หรือขอเอกสารฉบับใหม่ได้รวดเร็ว ทั้งยังช่วยลดความยุ่งยาก เมื่อต้องใช้งานในอนาคตใช้อุปกรณ์เสริมในการจัดเก็บหากต้องการให้เอกสารมีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น สามารถใช้แฟ้มเพื่อจัดเก็บเอกสารเหล่านี้ก่อนนำเข้าตู้เซฟ โดยคุณสามารถเลือกใช้แฟ้มที่มีสีแตกต่างกัน ตามชื่อเจ้าของเอกสาร เพื่อช่วยให้การค้นหาเอกสารสำคัญได้สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น6 ตู้เซฟนิรภัยที่ช่วยปกป้องเอกสารสำคัญ หมดกังวลเรื่องสูญหายตู้เซฟนิรภัยจาก Naradee มีให้เลือกหลากหลายผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลาย ๆ ด้าน โดยสำหรับการเก็บเอกสารสำคัญ ตู้เซฟ Sentry Safe ที่เหมาะสม ได้แก่SentrySafe LX110BESentrySafe LX110BE เป็นตู้เซฟระบบสแกนลายนิ้วมือ ผลิตจากเหล็กกล้า จึงสามารถป้องกันการงัดแงะได้ โดยระบบลายนิ้วมือ สามารถบันทึกได้ถึง 30 ลายนิ้วมือ ทำให้สะดวกสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่ต้องการเก็บเอกสารสำคัญหลายคน ขนาดภายใน : 19.2x42.7x31 ซม. ขนาดภายนอก: 19.5x43x37 ซม.น้ำหนัก: 10.6 กก.ความจุ: 25.4 ลิตร SentrySafe HL100ESSentrySafe HL100ES เป็นตู้เซฟระบบรหัสอิเล็กทรอนิกส์ สามารถใช้งานด้วยการปลดล็อครหัส และคีย์การ์ด โดยโครงสร้างผลิตภัณฑ์ทำจากเหล็กกล้า จึงมีความแรง และทนทานต่อการโจรกรรม อีกทั้งตู้เซฟรุ่นดังกล่าว สามารถเจาะยึดติดได้กับผนังหรือพื้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนย้าย ทำให้มั่นใจได้ว่าเอกสารสำคัญของคุณจะปลอดภัยขนาดภายใน: 21.6x45.2x31.5 ซม. ขนาดภายนอก: 22.9x45.7x40.6 ซม.น้ำหนัก: 13.9 กก.ความจุ: 30.74 ลิตร SentrySafe H060ESSentrySafe H060ES เป็นตู้เซฟที่สามารถใช้งานได้สะดวก กับระบบปลดล็อคด้วยรหัสอิเล็กทรอนิกส์ และคีย์การ์ด ซึ่งสามารถตั้งรหัสได้ตามต้องการ และยังมีกุญแจไขเพื่อความสะดวกในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว อาจมีข้อจำกัดพื้นที่ในการจัดเก็บเอกสารขนาด A4 แต่คงยังสามารถเก็บเอกสารขนาดเล็ก เช่น สมุดบัญชี หรือพาสปอร์ต ขนาดภายใน: 16.5x37.6x18.5 ซม. ขนาดภายนอก: 17.8x38.1x27.9 ซม.น้ำหนัก: 9.1 กก.ความจุ: 11.51 ลิตร SentrySafe X075SentrySafe X075 เป็นอีกหนึ่งรุ่นของตู้เซฟที่มีความแข็งแรงทนทาน ด้วยโครงสร้างที่ผลิตจากเหล็กกล้า จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการงัดแงะโดยผู้ไม่หวังดี ให้คุณมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งผลิตภัณฑ์มาพร้อมกับระบบล็อคแบบรหัสอิเล็กทรอนิกส์ และยังมีกุญแจไขสำรอง สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน  อีกทั้งภายในของ SentrySafe X075 มีขนาดกว้างเพียงพอสำหรับจัดเก็บแล็ปท็อป ทำให้สามารถใช้เก็บเอกสารสำคัญ ได้โดยกังวลเรื่องพื้นที่จัดเก็บที่ไม่เพียงพอขนาดภายใน: 17.6x42.6x29.4 ซม. ขนาดภายนอก: 18x43x37 ซม.น้ำหนัก: 7.8 กก.ความจุ: 22.03 ลิตร SentrySafe FBWLZ0SentrySafe FBWLZ0 ซองเก็บเอกสารกันไฟแบบพกพา (Fire Bag) ที่ออกแบบมา เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บเอกสารสำคัญ โดยเหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับตู้เซฟ  เพื่อเสริมการป้องกันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น วัสดุผลิตจาก ซิลิโคนเคลือบไฟเบอร์กลาส และด้านในบุด้วยผ้าใยแก้วอลูมิไนซ์ ทำให้สามารถ กันน้ำและทนไฟ ได้ดีขนาดภายนอก: 27.9x38.1 ซม.น้ำหนัก: 0.45 กก. SentrySafe FHW40300SentrySafe FHW40300 เป็นหีบเซฟเก็บเอกสารกันไฟ (Fire Chest) ที่ออกแบบมา เพื่อปกป้องเอกสารสำคัญจากอัคคีภัย และน้ำท่วม ผ่านการทดสอบมาตรฐานกันไฟจากหน่วยงาน UL (Underwriters Laboratories) ทำให้สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ในกรณีเกิดเหตุไฟไหม้  ทั้งยังผ่านการทดสอบการป้องกันน้ำจากหน่วยงาน ETL ทำให้มั่นใจได้ว่าเอกสาร และทรัพย์สินภายใน จะไม่เสียหายจากการจมน้ำ หรือโดนน้ำโดยตรงขนาดภายใน: 29.5x30.5x20.6 ซม. ขนาดภายนอก: 35.9x42.1x35.1 ซม.น้ำหนัก: 18.69 กก.ความจุ: 18.69 ลิตร สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่มองหาตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเอกสารสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น โฉนดที่ดิน พาสปอร์ต หรือเอกสารทางการเงิน  อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ SentrySafe จาก Naradee คุณสามารถมั่นใจได้ว่าเอกสารของคุณจะได้รับการปกป้องจากทุกสถานการณ์ฉุกเฉิน หากสนใจ หรือต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสินค้าตู้เซฟทุกรูปแบบ ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ Line: @naradeeWebsite: Naradee.comProduct Category: SentrySafeShopee: Naradee StoreLazada: Naradee StoreInbox: Naradee Store
ตู้เซฟกันไฟสำคัญแค่ไหน ? เรียนรู้จากภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิด

28 เมษายน 2568

ตู้เซฟกันไฟสำคัญแค่ไหน ? เรียนรู้จากภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิด
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดความเสียหายในรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามประเภทของภัย โดยส่วนใหญ่มักมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ทำให้ประชาชนในพื้นที่ สามารถเตรียมพร้อมรับมือได้ทันเวลา อย่างไรก็ตาม ยังมีภัยพิบัติบางประเภทที่มักเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เช่น น้ำท่วมฉับพลัน หรือไฟป่า ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินอย่างมาก ทั้งนี้ การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นสิ่งสำคัญ หนึ่งในวิธีที่ช่วยลดความเสียหายได้ คือ การใช้อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เช่น “ตู้เซฟกันไฟ” ซึ่งสามารถป้องกันสิ่งของมีค่าจากความรุนแรงภัยธรรมชาติต่าง ๆ ได้ ในบทความนี้ Naradee จะพาไปทราบถึงเหตุผลที่ควรมีตู้เซฟไว้ในอาคาร พร้อมกับแนะนำตู้เซฟกันไฟจาก SentrySafe ถ้าพร้อมกันแล้ว ไปดูกันเผย 4 เหตุผล ทำไมทุกสถานที่ควรมีตู้เซฟกันไฟใช้งานภัยพิบัติทางธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน สถานที่ราชการ หรือแม้แต่ห้างสรรพสินค้า ทำให้ตู้เซฟกันไฟ จึงเข้ามาเพิ่มความปลอดภัยให้กับทรัพย์สิน จากผลกระทบดังกล่าว  นอกจากนี้ ตู้เซฟกันไฟยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับเจ้าของทรัพย์สิน โดยมี 4 เหตุผลสำคัญที่ควรเลือกใช้งานตู้เซฟกันไฟ ดังนี้ลดความกังวลจัดเก็บสิ่งของการใช้งานตู้เซฟกันไฟ สามารถช่วยจัดทรัพย์สินต่าง ๆ ได้เป็นระเบียบ โดยลดความเสี่ยงจากความเสียหาย หรือสูญหาย ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสิ่งของสำคัญ จะถูกจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัย ปกป้องทรัพย์สินสำคัญจากไฟไหม้เนื่องจาก วัสดุที่ใช้ในการผลิตตู้เซฟกันไฟ มีความทนทานต่อความร้อนสูง ทำให้สามารถป้องกัน เอกสารสำคัญ เงินสด หรือสิ่งของมีค่าต่าง ๆ จากความเสียหายที่เกิดจากอัคคีภัยได้ จึงมั่นใจได้ว่าสิ่งของที่คุณจัดเก็บในตู้เซฟ จะยังคงปลอดภัย และอยู่รอดจากเหตุภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นช่วยป้องกันเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตตู้เซฟกันไฟ ได้รับการออกแบบให้มีระบบล็อคที่แข็งแรง ไม่ได้แตกต่างไปจากตู้เซฟนิรภัยอื่น ๆ โดยมีระบบล็อคให้เลือกใช้งานหลายรูปแบบ เช่น กุญแจรหัส ระบบดิจิทัล หรือสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตสามารถเปิด สามารถเข้าถึงทรัพย์สินของคุณได้การปฏิบัติตามกฎหมายในบางกรณี การเก็บรักษาเอกสาร หรือทรัพย์สินบางประเภท ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย เช่น เอกสารทางธุรกิจ สัญญา หรือหลักฐานเอกสารทางการเงินต่าง ๆ การใช้ตู้เซฟกันไฟ ช่วยให้มั่นใจว่าคุณสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนด และความเสี่ยงการเกิดปัญหาทางกฎหมาย สำหรับใครที่กำลังมองหาตู้เซฟกันไฟ ขอแนะนำ SentrySafe ผลิตภัณฑ์ตู้เซฟคุณภาพที่จัดจำหน่ายผ่านตัวแทน Naradee เพราะตู้เซฟของเราช่วยปกป้องทรัพย์สินสำคัญของคุณจากอุบัติเหตุ และภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพย้อนรอย เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ อันตรายที่ไม่คาดคิดหากพูดถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม คงหนีไม่พ้น “อัคคีภัย” หนึ่งในภัยที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ดังนั้น เราจะพาทุกท่านย้อนรอย เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ทั้งใน และนอกประเทศ เพื่อเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา และตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกัน และรับมือกับอัคคีภัย ไฟไหม้ LAเริ่มกันที่เหตุการณ์ “ไฟไหม้ LA” ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ถือเป็นภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดของประวัติศาสตร์ของอเมริกา โดยสร้างความเสียหายมหาศาล ต่อทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ไปกว่า 12,000 หลังคาเรือน ซึ่งแม้ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่การจัดการปัญหาดังกล่าวยังทำได้ยาก ทั้งวิธีป้องกัน และการจัดการไฟไหม้เขาใหญ่ พ.ศ.2568ถัดมากับ “ไฟไหม้เขาใหญ่” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับไฟไหม้ครั้งใหญ่ในลอสแอนเจลิส (LA) เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อพื้นที่ป่า ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ สัตว์ป่า และคุณภาพอากาศในบริเวณโดยรอบ ทั้งยังเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการจัดการไฟป่า และมาตรการป้องกันที่ควรนำมาใช้ เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในอนาคตไฟไหม้เชียงใหม่มาถึงเหตุการณ์สุดท้าย “ไฟไหม้เชียงใหม่” ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีข่าวเกี่ยวกับอัคคีภัยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งจากภัยธรรมชาติ และการกระทำของมนุษย์เอง โดยในบางครั้ง ผลกระทบจากไฟไหม้เหล่านี้ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ รวมถึงการสูญเสียทรัพย์สิน และภัยคุกคามต่อชีวิตของผู้คน จะเห็นได้ว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และยังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดการลุกไหม้ของไฟได้เช่นกัน ดังนั้น การเตรียมความพร้อม ในการรับมือกับอัคคีภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรมีการติดตั้ง อุปกรณ์เตือนไฟไหม้ อุปกรณ์ดับไฟ และตู้เซฟกันไฟ เพื่อปกป้องทรัพย์สินสำคัญจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากไฟได้แนะนำตู้เซฟกันไฟ ปกป้องทรัพย์สิน หมดห่วงอุบัติเหตุไม่คาดฝันหลังจากที่เราได้ทราบถึงปัญหา และผลกระทบจากภัยธรรมชาติแล้ว การมี ตู้เซฟกันไฟ จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการปกป้องสิ่งสำคัญ และทรัพย์สินที่คุณรักจากการเสียหายจากเหตุอัคคีภัย โดยทาง Naradee มีตู้เซฟจากแบรนด์ SentrySafe มาให้พิจารณาเลือกใช้งาน ดังนี้SentrySafe SFW082DTBSentrySafe SFW082DTB เป็นตู้เซฟกันไฟ ด้วยระบบล็อคสองชั้นที่ใช้รหัสหมุน และกุญแจ ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัยของทรัพย์สินมีค่า อีกทั้งยังมีสลักกลอนขนาด 1 นิ้วที่ใหญ่กว่าตู้นิรภัยทั่วไปถึง 60% และคานเสริมแถบบานพับเพื่อป้องกันการงัดแงะ  นอกจากนี้ SentrySafe SFW082DTB ยังผ่านการทดสอบคุณสมบัติการป้องกันไฟจากหน่วยงานประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถป้องกันไฟได้ 1 ชั่วโมงที่อุณหภูมิ 1700°F/927°C และคุณสมบัติการป้องกันน้ำที่สามารถทนทานต่อการจมน้ำลึก 5 นิ้วเป็นเวลา 24 ชั่วโมงSentrySafe FPW082HTCSentrySafe FPW082HTC เป็นตู้เซฟที่มาพร้อมกับระบบล็อคที่มาพร้อมกับระบบปลดล็อคสองรูปแบบ ด้วยรหัสดิจิทัล และกุญแจ override key ซึ่งตู้เซฟในรุ่นดังกล่าว ยังได้ปรับดีไซน์ภายนอกที่ดูโมเดิร์น จึงทำให้สามารถติดตั้งได้ทุกพื้นที่ของอาคาร  สำหรับคุณสมบัติการป้องกันไฟ SentrySafe FPW082HTC สามารถทนทานต่ออุณหภูมิสูงถึง 1700°F/927°C ได้นาน 1 ชั่วโมง และการป้องกันน้ำที่สามารถทนทานต่อการจมน้ำลึก 5 นิ้วเป็นเวลา 24 ชั่วโมงSentrySafe SFW123UVCSentrySafe SFW123UVC เป็นตู้นิรภัยด้วยระบบล็อคสองชั้นที่ใช้รหัสดิจิตอลทัชสกรีน และกุญแจ มาพร้อมกับฟังก์ชันเสียงแจ้งเตือนหากถูกเคลื่อนย้ายหรือยก เพื่อช่วยรับมือจากผู้ไม่หวังดีพยายามโจรกรรม  โดยคุณสมบัติการกันไฟ และกันน้ำที่ผ่านการทดสอบจากหน่วยงานประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถป้องกันไฟได้ 1 ชั่วโมงที่อุณหภูมิ 1700°F/927°C และป้องกันน้ำได้ในระดับความสูง 8 นิ้วเป็นเวลา 24 ชั่วโมงSentrySafe SFW205BXCSentrySafe SFW205BXC เป็นตู้นิรภัยที่มาพร้อมกับฟังก์ชันสุดล้ำกับการสแกนลายนิ้วมือ ทำให้การใช้งานสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติการป้องกันไฟที่สามารถทนทานต่ออุณหภูมิสูงถึง 1700°F/927°C ได้นาน 1 ชั่วโมง และการป้องกันน้ำที่สามารถทนทานต่อการจมน้ำลึก 8 นิ้วเป็นเวลา 24 ชั่วโมง สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่มองหาตู้เซฟกันไฟ ตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัย พร้อมรับมือภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิด อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ SentrySafe จาก Naradee หากสนใจ หรือต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสินค้าตู้เซฟทุกรูปแบบ ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ Line: @naradeeWebsite: Naradee.comProduct Category: SentrySafeShopee: Naradee StoreLazada: Naradee StoreInbox: Naradee Store 

สมัครสมาชิก

Icon Phone Icon Mail Icon Line
เพิ่มไปยังตะกร้า