รหัสโปรโมชั่น
NewWeb
ซื้อเลย

บทความ

Tips : แอบเกาะ!! ในเครื่องชงกาแฟ

7 มกราคม 2565

Tips : แอบเกาะ!! ในเครื่องชงกาแฟ
Tips : แอบเกาะ!! ในเครื่องชงกาแฟ แคลเซียม และแมกนิเซียมในน้ำ จะจับตัวกันเป็นคราบหินปูน เกาะอยู่ตามผิวท่อน้ำด้านใน ยิ่งเป็นน้ำร้อนยิ่งก่อตัวง่าย มากๆเข้า ก็ทำให้ประสิทธิภาพเครื่องถดถอย พร้อมๆกับกลิ่นรสกาแฟถ้วยโปรดก็ด้อยลงด้วย เครื่องชงสวยหรูแต่ภายในถูกแอบเกาะ แน่นอน..คุณมองไม่เห็น กันไว้ก่อนดีมั้ย? งั้นกำจัดเลย กันไว้ก่อนดีมั้ย? ดี!!! ถ้าทำได้ แต่ในความเป็นจริง หินปูนมันอยู่ในน้ำ จะไปห้ามมันยังไง งั้นกำจัดเลย เคล็ดลับที่บอกกล่าวกันส่วนใหญ่คือใช้น้ำส้มสายชู แต่อยากบอกว่ามันมีข้อเสียคือ •มีผลเสียต่อผิวท่อ สุดท้ายอาจเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม •กำจัดหินปูนได้บางส่วนเท่านั้น •ล้างกันยกใหญ่ก็อาจมีกลิ่นเปรี้ยวของน้ำส้มค้างอยู่ ง่ายกว่าและให้ผลที่คุณพอใจ แนะนำ HG ดีสเกลเลอร์ ฟอร์ เอสเพรสโซ่ แอนด์ พ็อด-คอฟฟี่ แมชชีนส์ สูตรกรดแลคติก ช่วยขจัดคราบหินปูน ไม่มีผลเสียต่อระบบภายในเครื่อง ไม่เปลืองค่าซ่อมในภายหลังทั้งยังยืดอายุการใช้งานและคงประสิทธิภาพของเครื่อง ที่สำคัญ....ช่วยคงรสชาติของกาแฟถ้วยโปรด สำหรับหม้อต้มกาแฟทั่วไป ให้ใช้ เอชจี ดีสเกลเลอร์
ไขก๊อก... กุญแจล็อค

7 มกราคม 2565

ไขก๊อก... กุญแจล็อค
     ไขก๊อก... กุญแจล็อค “ระบบลูกปืนคู่” ดูฟูลออปชั่นกว่ายังไง?นับเป็นหนึ่งในตำนานระบบล็อคของกุญแจที่ยังคงสร้างมนต์เสน่ห์ได้อย่างไม่รู้จบ เพราะไม่ว่านวัตกรรมจะนำพาความก้าวไกลให้อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยในกลุ่มนี้ สามารถวิวัฒนาการตัวเองให้ไปเชื่อมต่อกับมือถือ แล้วเลือกคำสั่งการ และพร้อมทำงาน หรือการปลดล็อคผ่านระบบบลูทูธกันได้แล้วก็ตามที แต่สิ่งหนึ่งอันเป็นเบื้องลึกที่ยังฝังอยู่ใน DNA เกือบทุกอณู ซึ่งถูกซ่อนไว้ด้วยฉากหน้าของคำว่า “กุญแจล็อคความปลอดภัยสูง” หรือ High Security Level Padlock อย่างที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้สังเกตุมาก่อนนั้น... ซึ่งก็คือ กลไกการล็อคใน “ระบบลูกปืนคู่” หรือศัพท์ในเชิงเทคนิคที่เรียกกันว่า “Dual-Ball Bearing Locking” นั่นเอง ซึ่งก็คือ กลไกการล็อคใน “ระบบลูกปืนคู่” หรือศัพท์ในเชิงเทคนิคที่เรียกกันว่า “Dual-Ball Bearing Locking” นั่นเอง เมื่อความสัมพันธ์กันของกระบอกกุญแจ, ตัวสลักหมุน 180 องศา และการเคลื่อนที่ของลูกปืนเข้าสู่ตำแหน่งล็อคระหว่างห่วงกุญแจทั้งสองข้างนั้น ถูกทดสอบแล้วว่า มีความปลอดภัยสูงกว่ากุญแจล็อคในระบบของสปริงอยู่หลายจุดเลยทีเดียว ทั้งในแง่ของความทนทาน และในเชิงของการป้องกันการสะเดาะกุญแจ เช่น • จากการถูกเขี่ยที่รูกุญแจ • การสอดลวดเข้าไปในรูของห่วงกุญแจทั้งสองข้าง เพื่อทำการกดสลักที่เป็นสปริงให้คลายล็อคออก • รวมทั้งลักษณะการทำงานแบบ Deadbolt หรือการล็อคตายของคอกุญแจ แม้ว่าจะถูกตัดที่ห่วงกุญแจ แต่ก็ต้องตัดจนให้มีพื้นที่มากพอที่จะเอากุญแจออกจากหูช้าง หรือบานพับนั่นเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมตั้งแต่ในช่วงปี 1900 ซึ่งเป็นยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมทั้งทางฝั่งอเมริกา และโลกตะวันตกนั้น มักนิยมใช้กุญแจในระบบล็อคประเภทนี้เกือบทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับทางกองทัพ สถานที่ราชการ หรือแม้กระทั่งกับในเรือนจำก็ตาม ปัจจุบัน จึงยังมีการพัฒนาและเสริมความสมบูรณ์แบบกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลบจุดอ่อน โดยการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับชิ้นส่วนของห่วงกุญแจ ด้วยการใช้โลหะธาตุจาก “โบรอนคาร์ไบด์” ที่มีคุณสมบัติด้านการต้านทานแรงตัดได้สูงกว่าเหล็กกล้าถึงหลายเท่า หรือการเสริมประสิทธิภาพที่ตัวกุญแจด้วยโลหะจากธาตุซิงค์ในระดับนาโน เพื่อเติมเต็มด้านความทนทานต่อการกัดกร่อนให้พร้อมเผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรง (จึงมักถูกนำไปใช้ในงาน outdoor เช่น ประตูโรงงาน,โกดัง,ห้องเก็บของ ฯลฯ ) และจุดหนึ่งที่หลายคนอาจจะยังเข้าใจผิดอยู่ นั่นคือ รูปแบบในการล็อค หรือวิธีการใช้งาน ซึ่งแม้ว่าโดยส่วนใหญ่เราอาจจะพบเจอ หรือคุ้นชินกับการใช้งานในลักษณะ “เปิดแล้วต้องปิดก่อน” (Key retaining lock) ซึ่งเป็นการช่วยให้ผู้ใช้ไม่ลืมไขกุญแจทิ้งไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากว่ากันในเชิงทางเทคนิค ก็อาจเป็นเพียงแค่ลักษณะของฟังก์ชันเล็กๆ ส่วนหนึ่งจากทางผู้ผลิตที่มิได้มีผลในด้านอื่นๆ แต่อย่างใดนัก เพราะสุดท้ายแล้ว ก็มักจะขึ้นอยู่กับลักษณะของการใช้งานเป็นสำคัญนั่นเอง ดูรายละเอียดกุญแจระบบลูกปืน High Security Padlock และกุญแจคล้องของ Master Lock ทุกรุ่นได้ที่ MASTERLOCK Ref http://rageuniversity.org/PRISONESCAPE/PRISON%20LOCKS%20AND%20KEYS/Lock-Mechanisms.pdf https://en.wikipedia.org/wiki/Padlock https://unitedlocksmith.net/blog/the-history-of-padlocks http://www.lockwiki.com/index.php/Key_retaining
เสริมเซฟตี้อุตสาหกรรมของคุณ ด้วย " LOTO "

7 มกราคม 2565

เสริมเซฟตี้อุตสาหกรรมของคุณ ด้วย " LOTO "
เสริมเซฟตี้อุตสาหกรรมของคุณ ด้วย LOTO ของเรา #เซฟตี้ทุกเหตุไม่คาดฝัน เซฟตี้ทุกงานประจำวัน ด้วย “Lock-out/Tag-out” (LOTO) ตามมาตรฐาน OSHA ✔️ทนทาน ✔️แข็งแรง ✔️ได้มาตรฐาน ✔️สามารถระบุบตัวตนได้ กุญแจคล้องตระกูล Lockout “Master Lock 406” ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่องานด้านความปลอดภัยให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าในพื้นที่อันตราย - ตัวฐานผลิตจากวัสดุผสม Zenex™ - ห่วงกุญแจผลิตจากไนลอนผสม และหุ้มด้วยแผ่นฉนวนไฟฟ้า ไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ (ศก. 6 มม.) - ทนต่อการกัดกร่อน สารเคมี ที่อุณหภูมิตั้งแต่ -57 °C ถึง +177 °C - ตัวฐานกุญแจคล้องมีความทนทานต่อแสง UV - การต้านทานกำลังดึงในตำแหน่งปิด: 114 กก. (252 ปอนด์) ตัวเลือกกุญแจคล้อง: - ลูกกุญแจเดี่ยว (KD) - ลูกกุญแจเหมือนกัน (KA) - ระบบกุญแจมาสเตอร์คีย์ (MK) - สามารถสลักด้วยเลเซอร์ทั้งด้านข้าง และด้านหน้าของตัวฐาน เพื่อการระบุรายละเอียดได้ - รวมป้ายข้อมูลติดกุญแจคล้อง “Danger!!!(อันตราย)” และ “Property of (ทรัพย์สินของ)” ✅เรายังพร้อมให้คำแนะนำสำหรับกลุ่ม “อุปกรณ์ล็อคด้านความปลอดภัย (Safety Series)” เพื่อป้องกันความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ในระหว่างการปฏิบัติงาน เช่น การซ่อมบำรุง หรือแก้ไขส่วนต่างๆ ของแหล่งจ่ายพลังงาน ✅ตอบโจทย์ทุกการดำเนินงานทั้ง อุปกรณ์ล็อควาล์ว,ล็อคปลั๊กไฟฟ้า, ล็อคระบบนิวแมติก, ล็อคเซอร์กิตเบรกเกอร์, ฝาครอบป้องกันปุ่มกด และสวิตซ์ ฯลฯ พร้อมอุปกรณ์ที่มีให้เลือกอย่างครบครัน ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทุกขนาด (โรงงาน โรงแรม คอนโดฯ) หากมีข้อสงสัย เรายินดีให้คำปรึกษา ---------------------------------------------------------------------- ✨ สอบถามรายละเอียด ✨ 1.ทาง inbox ข้อความเพจ คลิ๊ก FACEBOOK.MASTERLOCK.Thailand 2.Website naradee.com 3.ทางไลน์ Line ID : @naradee แอดไลน์คลิ๊ก
HG มีสื่อรักเคลียร์ใจ… ให้เจ้าคุณทาส และเจ้านายเหมียว ได้เกี่ยวก้อยรักกันตราบนิจนิรันดร์

24 พฤศจิกายน 2564

HG มีสื่อรักเคลียร์ใจ… ให้เจ้าคุณทาส และเจ้านายเหมียว ได้เกี่ยวก้อยรักกันตราบนิจนิรันดร์
HG มีสื่อรักเคลียร์ใจ…  ให้ "เจ้าคุณทาส และ เจ้านายเหมียว” ได้เกี่ยวก้อยรักกัน… ตราบชั่วนิจนิรันดร อย่าให้ความรักอันแสนหวาน ซาบซ่า กุ๊งงง กิ๊งงง จำต้องเลือนหายไปกับสิ่งที่เขาเรียกกันว่า  “กลิ่น ฉี่ บังตา” เชียวนะ . ใช่แล้ว… อ่านไม่ผิดหรอกจ่ะ  . เพราะถึงแม้นว่า เจ้านายเหมียวที่เหล่าทาสทั้งหลายนั้นต่างจะรัก และเทิดทูน หวงแหน (หรืออาจจะเป็นดั่งตัวแทนได้เข้ารับส่วนแบ่งจากกองมรดก และกิจการทั้งปวง) ซึ่งต่างได้รับทั้งความเอ็นดู และอยู่ในสายตาอย่างหลากคุณูประการก็จริงอยู่  . แต่กลับอาจจะยังดูมิใช่อนิจจังเสียทั้งหมด  . เมื่อโลกนี้ต่างยังให้ทั้งคู่ได้ต้องพาลพบ และผ่านประสบกับการพิสูจน์รักแท้ แม้จะดูเหมือนกับว่า ส่วนมากมักจะถูกขีดเขียนอยู่บนบทละครที่ว่าด้วยเรื่องของ “กลิ่นฉี่เจ้ากรรม… ทำทาสนั้นไม้เรียวสั่น”   . ซึ่งหากไม่นับจังหวะที่ทาสนั้นอาจจะยังเบลอๆ แล้วดันเผลอไปเจอกับกองเศษซากของทิชชู่ม้วนใหม่ ณ ใต้โต๊ะเก้าอี้ หรือแอบเห็นว่ามีร่องรอยการตะกุยโซฟา (ก็คิดซะว่าน้องช่วยแต่งเติมลวดลายให้ก็แล้วกันนะ)  . ก็อาจจะพูดได้ว่า “การจัดการเรื่องกลิ่นฉี่เหม็น” นั้น นับเป็นเพียงแค่เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้ทั้งคู่ต่างต้องเข้าประจัญหน้า และเตรียมฟาดฟันกันอย่างออกรสออกชาติได้อย่างถึงที่สุด เพราะไม่ว่าจะหยุดอยู่ที่การอุทรณ์กันด้วยวาจา หรือสถานการณ์นำพาให้หนักเข้าขั้น นั่นอาจหมายถึง การต้องเข้าต่อสู้ฟาดฟันกันบนสมรภูมิใดซักแห่งหนบนบ้านเรือน เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งระหว่างเจ้านายเหมียวผู้มาพร้อมด้วยกรงเล็บพิฆาต หรือสุดท้ายแล้ว จะเป็นเจ้าคุณทาสผู้มีเพียงไม้เรียวในมือ (แต่ก็มักดูบิดผิดรูปไปบ้างจากการใช้งานหนักก็ตาม) . ได้เวลาแล้วรึยัง?… ที่จะหยุดความระหองระแหงเหล่านี้ มิให้วนเวียนอยู่กับเพียงแค่ปัญหาเดิมๆ อย่างเรื่อง “กลิ่นฉี่เหม็น” ทั้งที่เป็นการฉี่แบบไม่เป็นที่ หรือ กลิ่นคาวอึ กลิ่นคาวฉี่ ที่สะสมอยู่ในกระบะทราย . โดยมีอย่างหนึ่งเหนือสิ่งอื่นใดที่ทาสต้องรู้ไว้ และก็ไม่ต้องแปลกใจหรอกนะ เพราะ “กลิ่นฉี่ของน้องแมว” นั้น ถูกจัดได้ว่า เป็นเจ้าแห่งฉี่ที่ส่งกลิ่นเหม็นที่สุด นับตั้งแต่มีการเทียบเคียงกับบรรดาเหล่าสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ หรือแม้แต่กับมนุษย์โลกเลยทีเดียว . ทาสจะภาคภูมิใจมั้ยน้าาา .    โดยอารัมภบททั้งหมดนี้… ก็มีเจ้า “แอมโมเนีย” (Ammonia) นี่แหละ… ที่เป็นละครสำคัญ!!!! . กลิ่นฉี่ของน้องแมวอันเหม็นคุ้งนั้น นับเป็นผลพวงหลักๆ ของสารที่มีชื่อทางการว่า “แอมโมเนีย” (สารชนิดเดียวกับที่พบในกองขยะ และปัสสาวะของมนุษย์) โดยส่วนใหญ่แล้ว มักถูกสร้างขึ้นจากแบคทีเรียโดยรอบ เข้าไปทำปฏิกิริยากับ กรดยูเรีย (Urea) ในปัสสาวะนั่นเอง  . และกลิ่นเหม็นอาจเพิ่มขึ้นได้เป็นเท่าทวี หากน้องแมวนั้นออกไปเที่ยวเล่น หรือไปเกลือกกลิ้งตามแหล่งสะสมของแบคทีเรียในกลุ่มนี้กลับมา ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งทางขน หรือส่วนใดส่วนหนึ่งทางผิวหนัง โดยเจ้าแบคทีเรียเหล่านี้ สามารถผลิตเอนไซม์ที่ชื่อว่า ยูรีเอส (Urease) ซึ่งย่อยสลายทั้งฉี่ หรืออึของน้องที่สะสมอยู่เป็นเวลานานๆ ให้กลายไปเป็นได้ทั้งสารประกอบแอมโมเนีย และกรดคาร์บอนิค โดยส่งผลให้เราจึงยิ่งรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวที่ยังคงติดค้าง ถึงแม้ว่าจะมีการล้างทำความสะอาดแบบทั่วๆ ไปแล้วก็ตาม หรือกลิ่นอีกประเภทหนึ่งที่ชื่อ “กลิ่นแคทตี้” (Catty Odour) . โดยส่วนใหญ่ในต่างประเทศนั้น มักจะคุ้นหูกับคำนี้กันเป็นอย่างดี เพราะนับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักๆ ในเรื่อง กลิ่นเหม็นฉี่ของน้องแมว แต่ถูกเฉพาะเจาะจงลงลึกไปที่ปัญหากลิ่นที่เกิดขึ้นในกระบะทรายของน้องนั่นเอง . ซึ่งกลิ่นดังกล่าว เป็นปฏิกิริยาที่มาจากการย่อยสลายของสารที่มีชื่อว่า “เฟลินิน” (Felinine) (สารดังกล่าวนับเป็นหนึ่งใน ฟีโรโมน ของเจ้าเหมียวด้วยนะ จึงทำให้เวลาหาคู่ หรือตามหาความรัก เราจึงมักเห็นน้องเขาดมๆ ที่ก้นกันและกัน)  . โดยสารในกลุ่มนี้ จะถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมากในช่วงวัยตั้งแต่ 3 เดือน จนกระทั่งถึงช่วงก่อนโตเต็มวัย โดยเฉพาะกับน้องแมวตัวผู้ ซึ่งหากเราลองสังเกตุดีๆ ก็จะพบทราบว่า กลิ่นฉี่เหม็นในช่วงระยะนี้ มักจะส่งกลิ่นแรงมากๆ นั่นเอง เพราะถึงแม้ว่า สารเฟลินิน จะไม่มีกลิ่นก็จริง แต่เมื่อทำปฏิกิริยาทางเคมีกับสภาพแวดล้อมแล้วนั้น ก็จะทำให้เกิดสารประกอบกลุ่ม กำมะถัน (Sulfur) หรือ ส่วนประกอบของแก็สไข่เน่า นั่นเอง . ซึ่งโดยทั่วไป นอกจากทำให้เกิดกลิ่นที่เหม็นมากๆ แล้ว ยังมักจะทำให้เกิดกลิ่นติดค้างสะสมอยู่ที่กระบะทราย หรือบางทีก็อาจจะมีกลิ่นติดไปกับตัวน้องได้ .    ฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดกลิ่นฉี่ของเจ้าเหมียวนั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบหลักจากจุลินทรีย์ธรรมชาติ เพื่อเป็นการยับยั้งปฏิกิริยาการย่อยสลายของสารยูเรีย ซึ่งนับเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้เกิดสารประกอบแอมโมเนีย และกลิ่นเหม็นในที่สุด โดยข้อดีนอกจากการไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อน้องแมวแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันการก่อตัวของกลิ่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  . ทั้งนี้ ย่อมดีกว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่มีเพียงส่วนช่วยในการกำจัดกลิ่น หรือปกปิดกลิ่นด้วยน้ำหอมแบบทั่วๆ ไป เพราะนอกจากไม่ได้ช่วยให้เป็นการทำความสะอาดอย่างถูกสุขอนามัยแล้ว หากยังมีการใช้ต่อไปในระยะยาว ย่อมอาจส่งผลต่อสุขภาพของเจ้านายเหมียวที่เหล่าทาสต่างเทิดทูนก็เป็นได้ . HG มีสื่อรักเคลียร์ใจ …  “เจ้าคุณทาส” ได้ใช้แล้ว “เจ้าคุณเหมียว” ก็คงต้องร้องบอกว่า ใช่เลยยย!!! Ref. pubs.acs.org hd.co.th
ศาสตร์ของ “คน รักษ์ พื้น บ้าน”

24 พฤศจิกายน 2564

ศาสตร์ของ “คน รักษ์ พื้น บ้าน”
เพราะจุดตัดระหว่าง “การดูแลวัสดุปูพื้นบ้าน” กับความเข้าใจใน “ศิลปะแห่งการขจัดคราบ” อาจเปรียบได้ดั่งพื้นฐานให้กับนิยามของ คนรักบ้าน อย่างแท้จริงอยู่เสมอ แต่คงน่าเสียดายไม่น้อย… หากในตอนสุดท้ายของกลุ่มคนโดยทั่วไป กลับยังใส่ใจเพียงแค่การนั่งนับวันพลันตั้งตารอต่อการมาถึงในช่วงเวลาของการรีโนเวท มากกว่าที่จะเห็นเป็นประเภทของ “Cleaning, Protecting & Beautifying” อันเป็น The King of Concept จาก HG เพื่อการดูแลบ้านแบบ D.I.Y ได้อย่างครบวงจรมากที่สุด!!! โดยเฉพาะในเรื่องของวัสดุปูพื้นบ้านทุกชนิด!!! ย้ำว่าทุกชนิด!!! และเพราะองค์ประกอบในตัวโครงสร้างของวัสดุที่แตกต่างกันนี้เอง จึงทำให้วิธีการดูแลพื้นผิว และการจัดการกับปัญหาของการเกิดคราบนั้น จึงต้องการความเข้าใจในแบบฉบับของ “คนรักษ์พื้นบ้าน” ในชนิดที่อาจเรียกได้ว่า “ให้มันได้รู้ลึกลงไปถึงในระดับของรูพรุนสักครั้ง… ก็น่าจะดี” #เข้าใจให้ลงลึกถึงในระดับของรูพรุน เมื่ออีกนัยหนึ่งในเรื่อง “ขนาดของรูพรุน” หรือ Porous นั้น สามารถเปรียบได้ดั่งดัชนีชี้วัดถึงความสามารถต่อการดูดซับ และอัตราการไหลของของเหลว (บางคนอาจลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้กลับมีผลกับเรื่องคราบเป็นอย่างมากนะ) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้อง พื้นไม้ หรือพื้นหินธรรมชาติใดๆ ก็ตามที หากยิ่งพบเจอกับการทำความสะอาดที่ไม่ดี และมีสิ่งสกปรกต่างๆ ถูกปล่อยปะละทิ้งเอาไว้อยู่นานวัน หรือแม้กระทั่งอันมีมูลเหตุจากการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีในบางกรณีร่วมด้วยแล้ว  เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ย่อมเป็นปัจจัยที่เกื้อหนุนกัน และยิ่งส่งผลต่อการเกิดคราบสกปรกสะสมฝังแน่น รวมทั้งมักจะเป็นต้นเหตุที่นำไปสู่การเป็นคราบด่าง สีไม่สม่ำเสมอ หรือสังเกตุเห็นได้ถึงความขุ่นหมองกันได้แบบถาวรนั่นเอง #ชั้นหน้าผิวถูกทำลายอะไรๆก็ดูแย่ ไม่ว่าจะเกิดจากการใช้พื้นที่นั้นๆ เพื่อการสัญจรไปมาอยู่เป็นประจำ หรือการทำความสะอาดอย่างไม่ถูกวิธี เช่น การเคยลองขจัดคราบหนัก ด้วยการใช้สารที่มีฤทธิ์เป็นกรดค่อนข้างสูง แล้วภาวนาให้สิ่งสกปรกเหล่านั้นหายไป แต่ทันใดนั้น สารเจ้ากรรมอาจช่วยให้คราบหนักเหล่านั้นหายไปได้ก็จริง แต่กลับกลายเป็นการทิ้งความเสียหายไว้ให้กับชั้นเคลือบผิวที่มักจะมีการหลุดหล่อนออกไปด้วยเช่นกัน  ซึ่งยิ่งส่งผลให้ภาพรวมนั้นแลดูแย่ลงอย่างเป็นทวี เพราะเมื่อพื้นที่ ณ จุดนั้นๆ มีการเสียสภาพของโครงสร้างจากการขัดถู หรือการกัดกร่อนอย่างรุนแรงและบ่อยครั้ง ผลสุดท้ายจึงมักแสดงออกมาให้เราเห็นได้ในรูปของการเกิดรอยแตกร้าว, เกิดคราบสกปรกสะสมได้ง่ายขึ้น หรือสังเกตุเห็นความเข้มของสีพื้นผิวที่เริ่มจะดูไม่สม่ำเสมอ เพียงเพราะก่อนหน้านี้เผลอไปเชื่อกูรูผู้รู้อยู่แต่นอกตำราก็เป็นได้ #เสียเวลาน้อยกว่าถ้ารู้จักคราบนั้นมากกว่าใคร เพราะการรู้จักคราบ และสาเหตุต่างๆ ที่มากพอ ก็จะช่วยให้คุณเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านี้ได้น้อยลงเป็นอย่างมาก เพราะคราบที่เราเห็นๆ กันนั้น ในบางกรณีก็อาจจะยาก หรืออาจต้องใช้ขั้นตอนที่พิเศษสุดๆ เพื่อการขจัดคราบเหล่านั้นให้ออกไปได้นั่นเอง ซึ่งคราบโดยทั่วไปบนโลกนั้น สามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. คราบอินทรีย์ หรือ Organic stains หมายถึง คราบที่มักเกิดขึ้นจากกระบวนการของจุลินทรีย์ต่างๆ ทั้งที่มาจากอาหาร เครื่องดื่ม พืชพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งกลุ่มของสารที่มีสีย้อมด้วยในบางกรณี อาทิเช่น คราบจากไวน์ คราบจากเชื้อรา คราบจากน้ำมัน ฯลฯ โดยส่วนใหญ่ของคราบในกลุ่มนี้ หากได้รับการทำความสะอาดอย่างทันถ่วงที ก็จะสามารถช่วยลดการเกิดคราบสะสมได้เป็นอย่างมาก  เพราะเคยมีการทดสอบเรื่อง อัตราการดูดซับ และผลจากอัตราการไหลของของเหลว ด้วยการหยดน้ำมันทิ้งไว้บนพื้นหินอ่อน และพื้นคอนกรีต แล้วทำการทิ้งไว้เป็นเวลาหลายวัน พบว่า เมื่อลองพลิกดูอีกด้านของวัสดุ จะสามารถสังเกตุเห็นถึงคราบรอยเปื้อนนั้น กำลังมีการขยายตัว และเริ่มขยายเป็นวงกว้าง รวมทั้งซึมลึกลงในระดับของชั้นใต้พื้นผิวกันเลยทีเดียว (ซึ่งเป็นจุดสังเกตุที่ดีให้กับพื้นที่ในการทำอาหารอย่างห้องครัว และห้องรับแขก ในเรื่องของคราบน้ำมัน น้ำอัดลม หรือคราบซอสนั่นเอง) 2. คราบอนินทรีย์ หรือ Inorganic stains โดยคราบส่วนมากในกลุ่มนี้ มักจะเกี่ยวข้องกับการทำปฏิกิริยา หรือการออกซิไดซ์กันของน้ำ ออกซิเจน และแร่ธาตุโลหะตามธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ธาตุเหล็ก (Iron) ซึ่งอยู่ภายในโครงสร้างของตัววัสดุอย่างพื้นหินธรรมชาติ หรือพื้นกระเบื้องบางชนิด โดยสาเหตุดังกล่าว มักจะปรากฏออกมาในรูปของ คราบสนิมสีน้ำตาลหรือแดง ซึ่งหากได้รับการขจัดคราบด้วยน้ำยาที่ไม่มีคุณภาพ ก็อาจยิ่งทำให้คราบใหม่เกิดขึ้นลึกเข้าไปในชั้นวัสดุได้ จนบางครั้งอาจยากต่อการขจัดคราบได้แบบทั่วๆ ไป หรือในบางกรณีก็จำต้องเปลี่ยนในจุดนั้นกันไปเลย ฉะนั้น “การทำความสะอาดแบบในทันที” จึงเป็นคำตอบของการป้องกันสาเหตุจากการเกิดคราบต่างๆ ได้ดีที่สุด แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะไม่ค่อยรับรู้ในช่วงเริ่มต้นของการสะสมของคราบนั่นเอง ซึ่งไม่ว่าจะเกิดจากการ... * หลุดร่อนของชั้นเคลือบผิวที่เกิดจากการสัญจรอยู่เป็นประจำ * การทำความสะอาดที่ไม่ถูกวิธี * หรือไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้ จึงมักเป็นสาเหตุเบื้องต้นให้คราบสกปรกต่างๆ เข้าไปสะสมฝังแน่นอยู่ตามรูพรุนได้เป็นจำนวนมาก ทั้งคราบด่างดำ, สีไม่สม่ำเสมอ หรือแม้กระทั่งอาการช้ำน้ำ (ผลพวงจากอัตราการสะสมของคราบสกปรกเหล่านั้น ทำให้โมเลกุลของน้ำไม่สามารถระเหยออกมาได้ตามปกติ) และซ้ำร้ายเมื่อปล่อยไว้นานวัน อาจเป็นสาเหตุต่อการเสื่อมสภาพของโครงสร้างก่อนอายุขัยได้ในที่สุด จึงทำให้ในทางฝั่งยุโรป และทาง HG Thailand จึงแนะนำให้คุณเจ้าของบ้านทำการปกป้อง และดูแลวัสดุอย่างพื้นบ้านให้ยังคงความสวยงาม และมีความยั่งยืน ด้วยการเลือกใช้ * “ผลิตภัณฑ์เคลือบกันซึม” เป็นอันดับแรกก่อนเสมอ เพื่อเป็นการช่วยลดอัตราการสะสมของคราบหนักฝังแน่น และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นวัสดุได้ในระยะยาว * “ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นสูตรเฉพาะสำหรับพื้นผิวนั้นๆ” เพราะองค์ประกอบของพื้นแต่ละชนิด ต้องการการดูแลในแบบที่ถูกต้อง และไม่ทำลายวัสดุโดยเฉพาะชั้นเคลือบผิว ซึ่งจะช่วยคงความสวยงามของพื้นผิว และอายุการใช้งานได้อย่างยาวนานที่สุด ref cleanfax.com sanding.co.uk slique.com.au expressflooring.com
ต่อให้ถูบ้านเป็นล้านครั้ง... แต่พื้นเหล่านั้น ก็ยังดูไม่สะอาด!!!

24 พฤศจิกายน 2564

ต่อให้ถูบ้านเป็นล้านครั้ง... แต่พื้นเหล่านั้น ก็ยังดูไม่สะอาด!!!
- ต่อให้ถูบ้านเป็นล้านครั้ง... แต่พื้นเหล่านั้น ก็ยังดูไม่สะอาด!!! - ประโยคอันชวนสงสัยให้ใครต่อใครทั้งหลายทั้งปวง ได้ลองกลับมาทบทวนถึงเรื่องราวของที่สุดจุดใต้ตำตอ - แต่คุณจะร้อง “อ๋อ..” ทันทีที่พบว่า หนึ่งในกิจวัตรที่ส่งผลต่อความเฉิดฉายให้สถานวิมานอย่าง “การทำความสะอาดพื้นบ้าน” นั้น ไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่เพียงในวงโคจรของการ กวาดบ้านถูบ้าน เท่านั้น แม้ ณ วินาทีนี้ คุณอาจจะพรั่งพร้อมไปด้วยถังปั่นน้ำคุณภาพระดับจักรวาลแล้วก็ตามที “ความไม่สบายเท้า*” ในหลายครั้งมักเกิดขึ้นจากโสตสัมผัสที่ไปสะกิดต่อมกวนใจให้กับเหล่าแม่บ้าน ทั้งๆ ที่เพิ่งอุทิศเวลาในเมื่อสักครู่ ไปกับการมุมานะทั้งการกวาดและการถูอย่างตรากตรำ จนทำให้บางครั้งต้องนำไปสู่การตัดใจ ใส่เอี๊ยม และเตรียมเปิดห้องเก็บของหรือเข้าห้องครัว เพื่อเตรียมอุปกรณ์คู่ใจแล้ววนกลับไปกวาดซ้ำถูซ้ำเป็นอีกคำรบ (*มักเห็นเป็นคราบดำคราบฝุ่น เมื่อลองทดสอบด้วยการเอาทิชชู่หรือผ้าซับหมาดๆ กรีดลงบนพื้นที่แห้งหลังจากการกวาดถูพื้นใหม่ๆ) แต่ถ้าหากเราพบว่า “ความไม่สบายเท้า” ข้างต้นนั้น... อาจซ่อนอยู่ในห้วงแห่งความรู้สึก ผ่านทุกอณูทุกรูพรุนของพื้นวัสดุแล้วล่ะก็... มันอาจจะดีกว่านี้ก็เป็นได้นะ > เก็บกวาดดีมีชัยไปกว่าครึ่งนะ แม้ว่าตามอาคารบ้านเรือนของเราๆ นั้น จะไม่สามารถทำการเลือก 1 ใน 4 โปรแกรมหลักๆ ของบริษัททำความสะอาดพื้นได้ก็ตาม เพราะขั้นตอนที่พร้อมปฏิบัติงานด้วยเครื่องปั่นพลังสูงแบบที่เราเห็นๆ กันตามโรงพยาบาล หรือโรงแรมเหล่านั้น นอกจากจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการขัดหน้าผิวพื้นแล้ว ด้วยลักษณะของแรงดันในระดับสูงนี้เอง ยังสามารถช่วยดันเศษฝุ่นผง หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เกาะติดฝังแน่น (โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการสัญจรมากๆ) ให้หลุดออกมาจากรูพรุนของพื้นวัสดุได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่การใช้เครื่องดูดฝุ่นด้วยระดับความถี่ที่คนในครอบครัว และเพื่อนข้างบ้านไม่รู้สึกรำคาญจนเกินไป ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการปัดกวาดแบบทั่วไปด้วยไม้กวาด เพราะด้วยจำนวนดอกหญ้าที่ร่วงโรยราดั่งมีวันหมดอายุนี้เอง ยังมีโอกาสต่อการหลงเหลือของฝุ่นละออง และอาจเกิดการฝังแน่นลงตามรูพรุนของพื้นวัสดุได้มากขึ้น ซึ่งหากมีการถูพื้นหลังการกวาดในตอนนั้น จึงยิ่งเป็นการดันให้สิ่งสกปรกให้ยิ่งฝัง “แน๊น แน่นนน” กว่าเดิมได้อีกด้วยนะ > ถูยังไงให้โลกจำนะ โลกจะจำทันที เมื่อวันนี้คุณสามารถถูบ้านได้เพียงรอบเดียว โดยใช้เพียงการสังเกต “สีของน้ำในถังปั่น” (ร่วมกับความไม่เกียจคร้านในการเปลี่ยนน้ำเด็ดขาด!) เพราะการถูซ้ำๆ ด้วยน้ำแค่ถังเดียวแบบนั้น หากเป็นพื้นที่ในบริเวณกว้างๆ ก็อาจเป็นเพียงการน้ำฝุ่นที่ดักจับมาชุบลงในถัง แล้วก็เปลี่ยนที่ให้ความสกปรกเหล่านั้น กลับไปสะสม ณ อีกพื้นที่หนึ่งเพียงเท่านั้นเอง ซึ่งหากทำให้โลกจำได้เช่นนั้น จึงอาจเป็นการประหยัดแรง และน้ำยาถูพื้นได้มากกว่าการต้องถูซ้ำเป็นรอบที่สองได้อีกด้วยนะ > ไฮไลต์ของน้ำยาถูพื้นคืออะไรบ้างนะ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นคุณภาพสูงนั้น นอกจากความสามารถในการขจัดฝุ่นได้อย่างล้ำลึก พร้อมให้กลิ่นที่สดชื่นหลังการถูแล้ว ยังต้องสามารถทำปฏิกิริยากับชั้น Top-layer ได้เป็นอย่างดี เพื่อคืนความสดใสให้กับพื้นวัสดุนั้นๆ ได้อีกด้วยนะ > สบู่หนึ่งก้อนเค้าไม่ฟอกทั้งตัวแล้วนะ เช่นเดียวกันกับการดีไซน์สัดส่วนของบ้านเรือนสมัยนี้ ที่มีหน้าตาของพื้นบ้านแยกตามฟังก์ชันการใช้งานไม่ต่ำกว่าสองชนิด โดยลักษณะเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นบ้านที่เกิดจากการรังสรรค์ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกันนั้น เช่น - พื้นกระเบื้องดินเผาสุดคลาสสิคในโรงรถ - พื้นแกรนิโต้เคลือบเงาสุดหรูบริเวณชั้นล่าง - หรือพื้นบ้านไม้แท้อันสะท้อนรสนิยมบนชั้นสอง จึงควรค่าแก่การดูแลด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่พัฒนาขึ้นมาให้เหมาะกับสภาพพื้นผิวนั้นๆ โดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์กับทุกคุณสมบัติและโครงสร้างของวัสดุที่ต่างชนิดกันแบบนั้นด้วยนะ
ดีไซน์ “แถบป้องกัน”... ดับฝัน “โจรงัดเซฟ!!!”

20 ตุลาคม 2564

ดีไซน์ “แถบป้องกัน”... ดับฝัน “โจรงัดเซฟ!!!”
ดีไซน์ “แถบป้องกัน”... ดับฝัน “โจรงัดเซฟ!!!” "การโดนตัดบานพับ... แล้วถูกงัดด้วยชะแลง" อาจเป็นเรื่องของเซฟแบบทั่วๆไป... แต่มิใช่กับ "ตู้เซฟกันไฟของ SentrySafe" เมื่อฟีเจอร์ไฮไลต์อย่าง “Pry-resistance hinge bar” กับกลายเป็น 1 ในคุณสมบัติเด่นในซีรี่ย์ดังกล่าว และเป็นที่ยอมรับกันเป็นอย่างมากกันในฝั่งอเมริกา และยุโรป เพราะสามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้งานไปพร้อมๆ กัน ได้ถึง 2 จุด คือ 1. ทำหน้าที่เป็นตัวล็อคให้กับเซฟอีกชั้นหนึ่ง... แม้ตัวบานพับด้านนอกจะถูกตัดทำลายออกแล้วก็ตาม โดยจุดดังกล่าว ถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นแถบซี่สลับฟันปลา และวางเรียงต่อกันตลอดแนวระหว่างพื้นที่ของบานพับกับประตู เพื่อให้สามารถปิดรับกับแถบ Pry-resistance hinge bar ได้อย่างลงตัว ช่วยเพิ่มระดับการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ดีไซน์ "บานพับด้านนอก" ช่วยแก้ปัญหา Pain Point และตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด เมื่อความสะดวก และความคล่องตัวนั้น ยังคงเป็นสิ่งสำคัญต่อประสบการณ์จากการใช้งานตู้เซฟด้วยเช่นกัน การติดตั้งบานพับไว้ด้านนอก จึงช่วยให้องศาในการเปิด-ปิดตู้เซฟ สามารถทำได้เกือบ 180 องศา ซึ่งตอบโจทย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้ที่มีลักษณะการใช้งานอยู่เป็นประจำนั่นเอง ดีไซน์ “แถบป้องกัน” หรือ Pry-resistance hinge bar... จึงนับเป็นอีกหนึ่งในคุณสมบัติ “การกันขโมย” ของตู้เซฟกันไฟดีๆ... ที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด! Sentrysafe ตู้เซฟคุณภาพสูงจากอเมริกา https://www.naradee.com/SENTRYSAFE
Tips : คราบราดำ อีกแล้ว

4 กรกฎาคม 2564

Tips : คราบราดำ อีกแล้ว
Tips : คราบราดำ อีกแล้ว เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีในที่อับชื้น อบอ้าว ก่อร่างสร้างคราบดำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจอประจำทั้งในห้องน้ำ ห้องครัว ฝ้าเพดาน ห้องเก็บของ ฯลฯ .......... เจอบ่อย จนเบื่อ !! ป้องกันยังไง ไม่ให้เกิดเชื้อรา ? 1. ระบายอากาศ ให้อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดความชื้นสะสม เช่น เปิดพัดลมระบายอากาศขณะใช้และหลังใช้ห้องน้ำ เปิดประตูหรือช่องระบายอากาศบ่อยๆในห้องที่อับชื้น เป็นต้น 2. สำหรับห้องน้ำหินอ่อน ควรเคลือบด้วย เอชจี มาร์เบิล โพรเท็คเตอร์ เพื่อกันซึม กันคราบหินปูนและกันราดำ เคล็ดลับ ขจัดคราบรา 1. เบคกิ้งโซดา ละลายเบคกิ้งโซดา 6 กรัมในน้ำร้อน 1 ลิตร เทลงบนคราบ ใช้แปรงขัดแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด 2. น้ำส้มสายชู ใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำส้มสายชู เช็ดที่คราบ ทิ้งไว้สักครู่ จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จนกระทั่งหมดกลิ่นเปรี้ยวของน้ำส้ม 3. น้ำยาฟอกขาว ผสมน้ำยาฟอกขาว 25 มล. ในน้ำ 1 ลิตร ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาเช็ดที่คราบหลายๆรอบ แต่ต้องระวังอย่าให้พื้นผิวเสียหาย ถ้ารู้สึกยุ่งยาก กับวิธีข้างต้น หรือไม่มั่นใจว่าจะได้ผล อยากให้ลอง เอชจี บาธรูม โม สเปรย์ ใช้ดูแล้วจะรู้คำตอบ
HG Tips : เรื่อง "ความชื้น" อย่าปล่อยผ่าน... ถ้าไม่อยากให้บ้านป่วย!!!

14 พฤษภาคม 2564

HG Tips : เรื่อง "ความชื้น" อย่าปล่อยผ่าน... ถ้าไม่อยากให้บ้านป่วย!!!
HG Tips : เรื่อง "ความชื้น" อย่าปล่อยผ่าน... ถ้าไม่อยากให้บ้านป่วย!!! . ปริมาณความชื้นสะสมที่มีมากเกินไปภายในบ้าน อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้ในระยะยาวนะรู้ป่าว!!! โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งสามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดทั้งอาการหอบหืดกำเริบ และยังทำให้เกิดสารก่อภูมิแพ้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา ไรฝุ่น เชื้อก่อโรคต่างๆ . แก้ไขอย่างไรดีล่ะ? . 6 วิธีการลดความชื้นสะสมภายในบ้าน เพื่อสุขภาพของเราและบ้านที่ดีกัน (1) จัดการเรื่องการระบายอากาศในห้องต่างๆ (2) ติดตั้งเครื่องดูดความชื้น ช่วยแก้ปัญหาได้ดี (แต่อาจใช้งบประมาณที่มากพอสมควร) (3) วางต้นไม้ให้ถูกที่ สามารถช่วยลดเรื่องฝุ่น หรือมลพิษภายในบ้าน (4) เปิดรับแสงแดดบ้าง และให้อากาศมีการถ่ายเทที่สะดวก (5) ใช้วัสดุดูดความชื้นที่มีอยู่ภายในบ้าน เช่น ถ่านไม้ เกลือ หรือข้าวสารมาใส่ในถุงผ้าไม่ก็ภาชนะที่ระบายอากาศได้ (6) ใช้ผนังชนิดทนชื้นทนรา . และเพื่อให้การลดความชื้น สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิถาพที่สูงที่สุด เราขอแนะนำ “เอชจี กล่องดูดความชื้น” ที่มาพร้อมสารดูดความชื้นปริมาณ 450 กรัม . ใช้สำหรับดูดความชื้นในบริเวณที่มีความชื้นสูง อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเติบโตของเชื้อรา หรือกลิ่นอับ ฯลฯ . กล่องดูดความชื้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ - ส่วนเก็บเม็ดดูดความชื้น (อยู่ด้านบน) ออกแบบมาให้สัมผัสกับอากาศเพื่อดูดซับความชื้นได้ดี และมีผนังโปร่ง 2 ชั้น กันไม่ให้เม็ดดูดความชื้นหกออกมา - ส่วนกักของเหลว (อยู่ด้านล่าง) ใช้รองรับของเหลวที่เกิดจากการทำงานของเม็ดดูดความชื้น มีรูปทรงขนาดสูง ช่วยให้เก็บของเหลวได้ปริมาณมาก, กันของเหลวหกเลอะ และสะดวกเวลาเทของเหลวทิ้ง . สารดูดความชื้น มีรูปร่างทรงกลม ประสิทธิภาพในการดูดความชื้นสูงกว่าสารดูดความชื้นทั่วไปถึง 1.5 เท่า ปริมาณ 450 กรัม ใช้ได้นาน 2-3 เดือน (ขึ้นอยู่กับปริมาณความชื้น) สำหรับพื้นที่ขนาด 40 ลูกบาศก์เมตร (ขนาดห้องกว้างประมาณ 4 เมตร ยาว 4 เมตร, สูง 2.5 เมตร)
ปัญหาคาใจ “ทำ ไม๊...ตู้อาบน้ำสกปรก ง๊าย ง่าย”

20 พฤศจิกายน 2563

ปัญหาคาใจ “ทำ ไม๊...ตู้อาบน้ำสกปรก ง๊าย ง่าย”
     “เอชจี มีครบ”จบปัญหาคาใจ“ทำไม๊...ตู้อาบน้ำสกปรกง๊ายง่าย” 1. “คราบน้ำ -คราบสบู่” ที่เกาะแน่นติดกระจกและวัสดุต่างๆ 2. “คราบราดา” ที่เกิดขึ้นช้า ๆ ตามรองยาแนวและแนวซิลิโคน 3. ยังขัดล้างไปไมทันไร...ก็กลับเข้าวังวนนี้ใหม่ทั้งในข้อ 1 และข้อ 2
ซึ่งนั้นหาใช่เรื่องทีดูผิดแปลกแต่อย่างใด เพราะ...“หากการดูแลผิวพรรณที่ดี...มิได้จบลงเพียงแค่การ ฟอกสบู่ อยู่เช่นใด...ในเรื่องของ “ตู้อาบ
น้ำ” ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น! ”  1. “คราบนํ้า -คราบสบู่”  สู่การขจัดคราบในระดับรูพรุนแม้จะเป็นที่รู้กันอยู่ว่าเจ้าคราบต่าง ๆ อันเกิดขึ้นได้จากทั้งการตกค้างการสะสมและการหมักหมมอยู่เป็นเวลานาน(บ้างทิ้งไว้เป็นสัปดาห์ บ้างก็ว่าเกือบแรมเดือน) จนมันระเหยแหงติดกับพื้นผิวของวัสดุอยู่ซ้ำ ๆ ยอมส่งผลให้สารประกอบทางเคมีที่ไม่ชอบน้ำบางชนิด เข้าไปติดลึกสะสมได้ถึงในระดับรูพรุน (porous) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การทำความสะอาดแบบที่เรียกว่า Deepcleaning นั้นอาจต้องถูกทำกันแบบซ้ำ ๆ วนอยูอยางนั้นหลายๆรอบ จึงจะสามารถลอกออก หรือขจัดคราบสกปรกเหล่านั้นได้อย่างหมดจด (สามารถสังเกตุเห็นได้จากคราบสบู่จนขึ้นฝ้าตามกระจกอาบนํ้าหรือแม้กระทั่งจากคราบขาวหินปูนที่บริเวณของหัวก๊อกนํ้านั่นเอง)       ดังนั้นการขจัดคราบต่าง ๆ ตามลักษณะที่ปรากฏ ตั้งแต่คราบท่ียังดูอ่อน ๆ จนกระทั่งคราบมีการติดสะสมฝังแน่นด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับระดับความเข้มข้น (ผสมกับนํ้าเปล่า)อย่าง“เอชจีบลู” นั้นนอกจากจะช่วยให้คุณสามารถทำความสะอาดคราบต่าง ๆ ได้อย่างหมดจดแบบตรงจุดได้แล้วยังมีคุณสมบัติในการไม่ไปทำลายร่องยาแนวและซิลิโคนอีกด้วย (ซึ้งนํ้ายาทั่วไปอาจมีความรุนแรงจนไปทำลายในจุดนี้ได้) ส่วนบ้านใดที่มีการทำความสะอาด และดูแลสุขอนามัยภายในห้องนํ้าอย่างเป็นประจำอยู่แล้วการใช้งานร่วมกับ “เอชจี สเกล อะเวย์ ” ก็นับว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เพราะด้วยคุณสมบัติเฉพาะแบบโฟมสเปรย์นี่เอง ซึ่งนอกจากการใช้งานที่สะดวกแล้วยังเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับพื้นที่ในแนวตั้ง (ตัวผนังหรือตู้อาบนํ้า ) ทั้ง ยังเป็นเหตุผลสำคัญของการช่วยลดคราบหนักสะสมท่ีอาจเกิดข้ึนได้เป็นอย่างดีอีกด้วยและนับได้ว่าทั้ง 2 ตัวนี้ สามารถจัดเปนชุดพื้นฐานให้กับการทำความสะอาดคราบนํ้า คราบสบู่หรือคราบหินปูนต่าง ๆ ภายในห้องนํ้า โดยเฉพาะกับตู้อาบนํ้าและสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ในระดับของคราบที่ขจัดออกได้ยากนั่นเอง “เอชจี บลู”      + มีความเข้มข้นสูง (ผสมน้ำในอัตตราส่วน 1 ต่อ 10 )      + หากเจอคราบหนัก สามารถเพิ่มระดับความเข้มข้นได้ตามลักษณะของคราบที่ปรากฏ      + ใช้ได้กับทั้งคราบ คราบน้ำ คราบหินปูน คราบเหลืองสุขภัณฑ์      + ไม่ทำลายร่องยาแนวและซิลิโคนของตูอ้าบน้ำ “เอชจี สเกล อะเวย์” + ด้วยขวดแบบสเปรย์ทำให้สะดวกต่อการใช้งานและทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ       + ด้วยคุณสมบัติของโฟมสเปรย์ จึงเหมาะกับพื้นท่ีในแนวตั้งอย่างแนวผนังหรือตู้อาบน้ำ + ช่วยลดการสะสมของคราบหนักได้เป็นอย่างดี       + ไม่ทำลายร่องยาแนวและซิลิโคนของตูอ้าบน้ำ 2. “คราบราดำ” ภัยเงียบสุดสำคัญที่มักสะสมอยู่ตามร่องยาแนวและแนวซิลิโคน       จากข้อมูลทางการศึกษาเคยมีการตรวจพบว่า มีเจ้า "เชื้อราดำ" จำนวนรวมกว่า 40 สายพันธุ์บนโลกซึ่งนอกจากจะสามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี ทั้งตามผนังห้องน้ำ ร่องยาแนว หรือตามห้องครัวแล้วยังพบว่าะวกมันมีการแพร่กระจายของสปอร์ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "Toxic Black Mould" อันนับเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตในบางกรณีได้เลยทีเดียว       จึงทำให้ในวงการขจัดคราบราดำในกลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะในฝั่งของทางยุโรปที่พบเจอเชื้อราในกลุ่มนี้อยู่เป็นประจำนั้น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารในกลุ่ม Chlorine bleach หรือ"เอชจี โมลด์ สเปรย์" ซึ่งมีฤทธิ์ในการ "ฆ่า" (destoy) กลุ่มเชื้อราดังกล่าวได้ถึงในระดับของสปอร์ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการใช้เพียงน้ำส้มสายชู หรือ เบคกิ้งโซดา เพราะจากการทดสอบของสารทั้งสองชนิดนี้กลับมีคุณสมบัติเพียงแค่การ "ยับยั้ง" (Inhibits) การแพร่กระจายของเจ้าเชื้อราดำเท่านั้นเอง 3. ยังขัดล้างไปไม่ทันไร...ก็กลับเข้าวังวลนี้ใหม่อีกแล้วหรอเนี๊ยยย!!!       หากเปรียบความหมองคล้ำ-คราบไคล เป็นดั่งคราบน้ำ-คราบสบู่ หรือการเกิดสิว ขึ้นฝ้าคล้ายดั่ง คราบหินปูนสะสม ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุที่เกิดจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ สะสม จนอาจเกิดการอุดตันฝังแน่นอยู่ในรูขุมขน (รูพรุน) ที่ยากจะดูแลได้       "หากการดูแลผิวพรรณที่ดี...มิได้จบลงเพียงแค่การฟอกสบู่ อยู่เช่นใด...ในเรื่องของ"ตู้อาบน้ำ"ก็คงเป็นเช่นนั้น!" จึงนับเป็นประโยคโปรยจากข้างต้น และดูตรงกับการนำไปสู่คำตอบสุดท้ายของในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี นั่นคือ การทาด้วยครีมโลชั่น หรือ "การเคลือบผิวให้กับวัสดุ"       เพราะไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากการตกหล่น หรือการละเลยในขั้นตอนนี้ไปมากน้อยเพียงใดก็ย่อมส่งผลต่อพื้นผิวของวัสดุนั้น ๆ ให้กลับมาเป็นแหล่งสะสมของคราบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในบริเวณของตู้อาบน้ำ ผนังฉากกั้น หรือร่องยาแนวต่างๆ       ดังนั้น การปกป้องผิวพรรณให้กับตู้อาบน้ำและวัสดุต่าง ๆ เพื่อไม่ให้กลับไปเกิดปัญหาของคราบสะสมหนักและการทำความสะอาดแบบธรรมดาที่ต้องใช้เวลานานนั้น ก็คือ การเคลือบผิวด้วยผลิตภัณฑ์สูตรพิเศษที่เป็นShower protector โดยเฉพาะอย่าง "เอชจี ชาวเวอร์ ชีลด์" สำหรับตู้อาบน้ำและผิววัสดุต่าง ๆ หรือ"เอชจี เคลือบยาแนว" ที่สามารถซึมลึกได้ถึงในระดับรูพรุน โดยทั้งสองมีคุณสมบัติในการป้องกันการยึดเกาะของสารประกอบที่มักจะตกค้าง รวมทั้งความเป็นเบสจากทั้งคราบน้ำหรือคราบสบู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ       ซึ่งนอกจากจะช่วยให้การทำความสะอาดสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพให้พื้นผิวของวัสดุ สามารถสังเกตุเห็นได้ถึงความสะอาดใส หรือมีความแวววาวมากยิ่งขึ้น เมื่อลองมองผ่านกระจกอันเป็นฉากกั้น หรือหัวก๊อกน้ำที่กำลังล้อกับแสงไฟวิบๆวับๆ อยู่ในทุกครั้งที่ต้องเข้าห้องน้ำนั่นเอง
Tips : ขจัดคราบซีเมนต์ คราบยาแนวบนพื้น

2 ตุลาคม 2563

Tips : ขจัดคราบซีเมนต์ คราบยาแนวบนพื้น
งานยาก หากปล่อยจนแห้ง ขอย้ำว่าจะขจัดออกยากมาก เพราะฉะนั้นให้รีบขจัดออกทันที ด้วยวิธีง่ายๆตามนี้ ลองวิธีนี้ดูก่อน คัดมาให้ใช้ได้เหมาะ ลองวิธีนี้ดูก่อน * หากเป็นคราบใหม่ๆ รีบใช้ผ้าแห้งเช็ด ขัดถู จนสะอาด แน่นอน... เหนื่อยและใช้เวลา * ใช้เกรียงเหล็กช่วยแซะ แต่ต้องระวังอย่าให้พื้นเสียหาย * ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำสะอาด ในอัตราส่วน 1:1 แล้วเช็ดถูให้สะอาด แต่ห้ามใช้กับพื้นหินอ่อนและหินธรรมชาติที่ไม่ทนกรด คัดมาให้ ใช้ได้เหมาะ หากต้องการประหยัดเวลา ไม่ยุ่งยาก ไม่เสี่ยงพื้นเสียหาย เลือกใช้ตามนี้ สำหรับพื้นกระเบื้องทั่วไป : เอชจี ขจัดคราบปูนยาแนว(เอ็กซ์ตร้า)  หรือใช้เอชจี ขจัดคราบน้ำปูน(ไลเม็กซ์) สำหรับพื้นหินอ่อน หินธรรมชาติที่ไม่ทนกรด : เอชจี มาร์เบิล รีมูฟเวอร์
กลิ่นเหงื่อติดเสื้อผ้า น่ารังเกียจ

16 กันยายน 2563

กลิ่นเหงื่อติดเสื้อผ้า น่ารังเกียจ
Tips : กลิ่นเหงื่อติดเสื้อผ้า น่ารังเกียจ ทำงานกลางแจ้ง เล่นกีฬา อากาศร้อน ทำให้เหงื่อออกมาก และถ้าซักไม่สะอาด หมกผ้าไว้นาน คุณได้สัมผัสกลิ่นเหม็นเหงื่อแถมเอื้อเฟื้อคนรอบข้างอย่างแน่นอน รับรองไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไม่แคร์ก็ได้ แต่...ถ้าคนนั้นเป็นหวานใจหล่ะ?? - กลิ่นมาจากไหน? ป้องกันยังไง? - ขจัดให้สิ้น กลิ่นเหงื่อ กลิ่นมาจากไหน? ป้องกันยังไง? มาจากกรดบิวทิริคในเหงื่อ ถ้าขจัดออกไม่หมด เวลานำไปรีดหรือสวมใส่ก็จะเกิดกลิ่นเหม็นขึ้นมา มาดูวิธีป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นเหงื่อกัน 1.ทำความสะอาดรักแร้บ่อยๆ 2.อย่าใส่เสื้อผ้าซ้ำหลายๆวัน ควรใส่วันเดียวแล้วซัก 3.ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อและกลิ่นกาย (antiperspirant deodorant) ขจัดให้สิ้น กลิ่นเหงื่อ ลองเคล็ดลับต่อไปนี้ 1.ละลายเบคกิ้งโซดาในน้ำแล้วนำผ้าไปแช่ อย่างน้อย 1 ชั่วโมง จึงนำไปซักตามปกติ (ถ้าแช่นานเกินไปอาจมีผลทำให้สีของผ้าซีดลงได้) วิธีนี้ไม่เหมาะกับผ้าไหมและผ้าวูล 2.แช่ผ้าในน้ำส้มสายชู ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง(แช่ข้ามคืนจะให้ผลดีขึ้น) แล้วจึงซักตามปกติ ถ้าลองแล้วยังไม่ดี เรามีตัวช่วยคุณภาพเยี่ยม ขจัดกลิ่นได้ลึกถึงใยผ้า แค่ผงซักฟอกทั่วไปอาจไม่เพียงพอ เอชจี กำจัดกลิ่นเสื้อผ้ากีฬา ชุดธรรมดาก็ใช้ได้นะ! (ยกเว้นผ้าไหม ผ้าวูล)
Tips : เคล็ดลับ ลอกสติ๊กเกอร์

16 กันยายน 2563

Tips : เคล็ดลับ ลอกสติ๊กเกอร์
Tips : เคล็ดลับ ลอกสติ๊กเกอร์ ปฏิเสธการใช้สติ๊กเกอร์คงลำบาก เพราะเครื่องหมายหลายหลากรวมทั้งแผ่นป้ายสำคัญต่างๆ ก็มักเป็นสติ๊กเกอร์ หาหนทางป้องกันจึงไม่ใช่คำตอบ สำหรับที่บ้านหากเป็นฝีมือเจ้าตัวน้อย อาจลองหาบอร์ดติดสติ๊กเกอร์มาให้ติดเป็นเรื่องเป็นราว จะได้ไม่ไปติดตามผนัง ประตู ตู้เสื้อผ้า ฯลฯ แต่คงต้องลุ้นนะว่า เขาจะให้ความร่วมมือหรือเปล่า? ตอนติด อยากให้แน่นๆ ตอนลอกหล่ะ ??? ตอนลอก!! ขอ..ง่ายๆ ตอนติด อยากให้แน่นๆ ตอนลอกหล่ะ ??? มีหลายวิธีลอกให้เลือก * น้ำยาล้างเล็บ หยดใส่ผ้าหรือฟองน้ำ แล้วนำไปเช็ดถูบนสติ๊กเกอร์ * น้ำมันสน เช็ดไปที่คราบกาว ทิ้งไว้สักพัก แล้วใช้ผ้าแห้งขัดออก * เนยถั่ว นำไปทาบนสติ๊กเกอร์ ทิ้งไว้สักพักแล้วลอกออก (บอกไว้นิด วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับสติ๊กเกอร์พลาสติก) ตอนลอก!! ขอ..ง่ายๆ เอชจี สติ๊กเกอร์ รีมูฟเวอร์ ง่าย ไม่เฉพาะสติ๊กเกอร์นะ!
Tips : ท่อห้องครัวอุดตัน...เข้านอนละกัน!

16 กันยายน 2563

Tips : ท่อห้องครัวอุดตัน...เข้านอนละกัน!
Tips : ท่อห้องครัวอุดตัน...เข้านอนละกัน! เศษอาหาร คราบไขมัน ทำให้อ่างล้างจานอุดตันได้บ่อยๆ ส่งกลิ่นเหม็น สะสมเชื้อโรค แต่รู้หรือไม่? ไม่ใช่แค่เศษอาหารอย่างเดียวที่สร้างปัญหา เพราะ พฤติกรรมคือตัวการ เศษอาหารคือสาเหตุ ป้องกันได้ ถ้าใส่ใจสักนิด ถึงคราวตัน ออกแรงกันหน่อย สบายกว่ากันเยอะเลย นอนเฉยๆดีกว่า ป้องกันได้ ถ้าใส่ใจสักนิด * เขี่ยเศษอาหารลงถังขยะทุกครั้งก่อนนำภาชนะไปล้าง * ใส่ตัวกรอง ดักเศษอาหารที่ท่อระบาย * เทน้ำร้อนลงท่อระบายเป็นครั้งคราว เพื่อขจัดเมือกไขมัน ที่เศษอาหารจะไปเกาะติดอยู่ * อย่าเทน้ำมันที่ใช้แล้วลงในอ่างล้างจาน ถึงคราวตัน ออกแรงกันหน่อย ลองดูสัก 2 วิธี 1. เทกากกาแฟ ลงในท่อระบาย มันจะทำหน้าที่คล้ายผงขัด 2. ใส่เบคกิ้งโซดาลงในท่อ เติมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย แล้วเทน้ำร้อนตามลงไป สบายกว่ากันเยอะเลย นอนเฉยๆดีกว่า เอชจี ขจัดท่อห้องครัวอุดตัน ส่วนประกอบสำคัญคือจุลินทรีย์และเอ็นไซม์ธรรมชาติ เปี่ยมประสิทธิภาพและปลอดภัย ไฮไลท์คือ เทใส่ท่อก่อนเข้านอนแล้วเทน้ำล้างตอนเช้า แค่เนี้ยะ!!
“สมาร์ทเซฟ” ความปลอดภัยต้องเด่น…ฟีเจอร์หลักต้องโดน!!!

3 สิงหาคม 2563

“สมาร์ทเซฟ” ความปลอดภัยต้องเด่น…ฟีเจอร์หลักต้องโดน!!!
เพราะวันนี้…ตู้เซฟไม่ใช่แค่การดูแลทรัพย์สิน แต่ต้อง “ดูแลตัวเอง” ได้ด้วย หากเริ่มต้นมองหาตู้เซฟ…แล้วกำลังคิดถึงแต่ตู้เหล็กสี่เหลี่ยมข้างในโบกปูน ใบใหญ่ๆหนักๆ แค่นั้น…ก็นับว่าผิดถนัด! เพราะโลกที่กำลังหมุนอยู่นี้..มีสิ่งที่เรียกว่า safe อยู่หลายประเภทด้วยกัน เราได้รวบรวมสิ่งที่คุณมักจะกังวลใจ และสิ่งที่ใครหลายๆคนมักจะลังเล เกี่ยวกับตู้เซฟไว้ 5 ประเด็น ซึ่งอาจช่วยให้การพิจารณาเลือก “สมาร์ทเซฟ” นั้น…ตรงใจคุณมากที่สุดก็เป็นได้ 1️⃣ คุณสมบัติด้านความปลอดภัย คุณเคยรู้มั้ยว่าตู้เซฟควรป้องกันทรัพย์สินจากอะไรได้บ้าง? โดยหลักแล้วมีถึง 3 คุณสมบัติสำคัญกันเลยทีเดียว นั่นคือ “กันไฟ กันน้ำ และกันขโมย” นั่นหมายถึงคุณควรประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น โดยพิจารณาจากประเภทของทรัพย์สินหลักๆ (ซึ่งเราสามารถแยกย่อยลงไปได้อีกในแต่ละคุณสมบัติว่ากันไฟ/น้ำกี่ชั่วโมง หรือมีสัญญาณกันขโมยด้วยนั่นเอง) 2️⃣ ระบบล็อค นวัตกรรมระบบล็อคของเซฟใหม่ๆ ปัจจุบันมีให้เลือกมากกว่า 8 รูปแบบ ทั้งแบบรหัสหมุน,แบบดิจิตอล,แบบใช้งานร่วมกัน(กุญแจและดิจิตอล) ,แบบหน้าจอสัมผัส หรือรุ่นล่าสุดอย่าง ระบบสแกนลายนิ้วมือ ทั้งหมดนี้เพื่อให้ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยสูงสุด จากไลฟ์สไตล์ของตัวคุณ เช่น กิจกรรมหลักทำให้ต้องเปิดปิดเซฟบ่อยๆ ตู้เซฟแบบรหัสหมุนก็อาจไม่ตอบโจทย์ด้านความสะดวกได้ไม่เท่าระบบดิจิตอล หรือหากมองหาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้ระบบล็อค”แบบใช้งานร่วมกัน”ก็นับว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว 3️⃣ ขนาด ลองพิจารณาทรัพย์สินของคุณดูว่า มีจำนวนมากน้อยเพียงใด? และส่วนใหญ่เป็นสิ่งของประเภทไหน? เพราะการเก็บทรัพทย์สินด้วยพื้นที่ภายในที่มากพอ ก็จะช่วยให้คุณสามารถจัดการได้อย่างเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น หยิบจับสะดวก รวมทั้งตรวจเช็คได้ง่ายอีกด้วย 4️⃣ น้ำหนัก หลายคนคงกังวลใจในข้อนี้เป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่ “U.S. News & World Report” ยังเคยรายงานเตือนให้เป็นข้อควรระวังในการเลือกซื้อตู้เซฟ แม้จะเคลื่อนย้ายสะดวก แต่ก็ง่ายต่อการขโมย ในเรื่องนี้ทั้งทางฝั่งอเมริกา และยุโรปเลือกลบจุดอ่อนตรงนี้ ด้วยการออกแบบฐานเซฟให้สามารถยึดเข้ากับอุปกรณ์ยึดพื้นหรือผนัง (ซึ่งบ้านเราอาจจะคุ้นชินแค่การโบกปูนทับ หรือการฝังเซฟซะมากกว่า) แต่วิธีนี้ก็นับว่าติดตั้งได้สะดวกกว่า และให้ความปลอดภัยได้ไม่แพ้กัน เพราะเมื่อติดตั้งเซฟถาวรไว้ ณ มุมใดมุมหนึ่งแล้ว ด้านหลังเซฟ(จุดที่มักถูกการทำลาย) จะถูกปิดตายในทันที!!! นั่นหมายถึงการยกระดับความปลอดภัย และคลายกังวลในเรื่องน้ำหนักได้ในเวลาเดียวกัน 5️⃣ งบประมาณ มีอะไรบ้างที่จะช่วยให้การลงทุนเพื่อการปกป้องทรัพย์สินของคุณมีความคุ้มค่ามากที่สุดอีกบ้าง – ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่การเลือกใช้โทนสี จนถึงรายละเอียดภายใน เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ – การรับประกัน มีการรับประกันอะไรให้บ้าง หรือมีความคุ้มครองอื่นๆอะไรมั้ย? – การันตีด้วยมาตรฐานสากลอะไรบ้าง? – มีตัวเลือกให้พิจารณามากแค่ไหน? และข้อสำคัญ!!! สามารถให้รายละเอียดที่คุณอยากรู้ได้ทั้งหมดนี้มั้ย? เพราะเราไม่เชื่อว่าสิ่งใดที่สำคัญ จะต้องรอให้ต้องสูญเสียบางสิ่งไป
หากเบื่อ “#คราบน้ำ” ...ก็จงนำพาร่างไปอยู่ดาวพลูโต!!!

3 สิงหาคม 2563

หากเบื่อ “#คราบน้ำ” ...ก็จงนำพาร่างไปอยู่ดาวพลูโต!!!
✨ หากเบื่อ “#คราบน้ำ” ...ก็จงนำพาร่างไปอยู่ดาวพลูโต!!! แม้ในหลายบ้านจะมี “คราบน้ำ” เป็นปัญหาสุดกวนใจ ทั้งยังอยู่ใกล้เสียยิ่งกว่า ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 หรือ ใกล้จนขนาดที่ชวนทึ่งกันได้ว่า... มนุษย์อย่างเราๆ นั้น มีวิวัฒนาการของ #การขจัดคราบ กันมานานร่วมกว่า 2,000 ปีแล้ว โดยเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อที่มีการบันทึกผ่านหนังสือชื่อ You need only one soap--Ivory soap ได้เผยให้เห็นกันตั้งแต่จุดเริ่มต้น... จากปฐมบทของ “ฟินิเซียน” ชาวกรีกโบราณกลุ่มแรกที่รู้จัก “วิธีการทำสบู่” จนนำไปสู่การค้นพบ “#น้ำยาทำความสะอาด” ในปี 1916 ของ Franz Gunther นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน พร้อมการกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการของ “สารลดแรงตึงผิว” อันเป็นส่วนผสมทางเคมี และมีบทบาทที่สำคัญต่อการพัฒนาสูตรกันมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อคราบน้ำไม่ใช่เรื่องใหม่ ก็ลองมาทำความเข้าใจ... ให้ถ่องแท้กว่าชาวฟินิเซียนกันไปซะเลยสิ!!! ▶ #CaและMgในสายธาร เปิดไทม์แมชชีน พร้อมย้อนอดีตไปสู่เรื่องราวน้ำ สมัยชั้น ป.5 ยังพอมีใครจำกันได้มั้ยว่า... เบื้องหลังความใสบริสุทธิ์ของน้ำประปาที่ยืนยันได้จากทั้ง National Academy of Sciences และการประปานครหลวง ว่า... สายน้ำธรรมชาติเหล่านี้ นอกจากสามารถใช้ได้ทั้งการอุปโภคและบริโภค โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายแล้วนั้น ใน “#น้ำกระด้าง” หรือชื่อที่คุ้นหูว่า “น้ำประปา” ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุอย่างแคลเซียม และแมกนีเซียมอยู่เป็นจำนวนมากที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ▶ #กาลเวลาและปฏิกิริยาตามธรรมชาติ ก่อนสายน้ำอันเสมือนเส้นนำทางแห่งชีวิต จะถูกนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการดื่มกิน และปรณิบัติชำระล้างต่างๆ นาๆ นั้น ในระหว่างที่ผ่านวิถีแห่งกาลเวลา ได้เกิดปฏิกิริยาตามธรรมชาติ จนเป็นเหตุให้แร่ธาตุส่วนใหญ่ของทั้งสองชนิดนี้ (แคลเซียมและแมกนีเซียม) เกิดการตกตะกอนขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่ง ซึ่งนับเป็นร่องรอยของกระบวนการทางเคมี หรือตามสิ่งที่เราเข้าใจ และเรียกกันจนติดปากว่า “คราบน้ำ” ซึ่งการปล่อยคราบน้ำ หรือคราบเกลือนั้นๆ ทิ้งไว้นานวัน ก็จะกลายผันเปลี่ยนหน้าปรับตาเป็น “#คราบหินปูน” ลักษณะผลึกแข็งคล้ายซีเมนต์ หรือคราบชอล์คสีขาวๆ (ลองสังเกตุได้ตามก็อกน้ำ ฝักบัว หรืออ่างล้างมือ) หรือหากผ่านการให้ความร้อนอย่างกาต้มน้ำ และเครื่องชงกาแฟ ก็จะเห็นเป็นเกร็ดสีขาวๆ เกิดขึ้นโดยรอบในชื่อของ “คราบตะกรัน” ยิ่งคราบพวกนั้น เข้าไปฝังแน่นตามความพรุนของพื้นผิว หรือผ่านการชะล้างที่สะสมไว้ทั้งคราบไคล ไขมัน และสิ่งสกปรกต่างๆ จนอาจพบการจับตัวเป็นเมือกๆ หรือคราบเหลืองๆ ร่วมด้วยแล้ว ยังสามารถสร้างความเสียหายแก่ทั้งวัสดุภายใน และยากต่อการกำจัดอีกด้วย (ท่อระบายน้ำ อ่างล้างมือ เครื่องซักผ้า ฯลฯ) ▶ #ว่ากันตามกูรูฉบับดั้งเดิม แม้จะก้าวเข้าสู่ปี 2019 แล้วก็ตามที แต่สารพันวิธีของการขจัดคราบต่าง ๆ กลับยังวนเวียนอยู่บนความเข้าใจในแบบฉบับออริจินัล ด้วยการให้ทดลองใช้พระเอกครอบจักรวาลอย่างโซดาไฟ หรือน้ำส้มสายชูโดยทันที แม้ว่าจะรู้กันเป็นอย่างดี ถึงเรื่องกลิ่น และฤทธิ์ของความเป็นกรด แต่ด้วยการให้ผลลัพธ์แทบจะในทันตาเห็น จึงมักกลายเป็นคำตอบของใครๆ ที่มักจะมาก่อนความเข้าใจอยู่เสมอ พร้อมเหตุผลสนับสนุนในราคาที่ซื้อง่ายหาง่าย และบ้านไหนๆ เขาก็ใช้กัน จนบางครั้ง... ก็อาจลืมอะไรบางอย่างไป! ▶ #ไม่เคยมีหมอคนไหนให้ทำคีโมเพราะคุณเป็นไข้หวัด หากเปรียบบ้านแสนรักดั่งตัวคุณ เปรียบจุดที่เกิดคราบน้ำดั่งอาการคัดจมูก... ฉะนั้น การทำคีโมก็อาจยังมิใช่คำตอบของการรักษา เพราะนอกจากจะไม่ตรงจุดแล้ว ด้วยฤทธิ์ของยาที่รุนแรง ยังอาจส่งผลต่ออวัยวะภายในส่วนอื่นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งนับเป็นหลักการที่ใกล้เคียงกับการขจัดคราบที่ถูกต้องเป็นอย่างมาก เพราะการเริ่มต้นด้วยน้ำยาที่มีฤทธิ์เข้มข้นสูง และรุนแรงจนเกินไป สุดท้ายก็อาจเป็นผลเสีย และย้อนกลับไปทำลายจุดอื่นๆ แทนได้ทั้งวัสดุต่างๆ รวมทั้งกลุ่มยาแนว ซิลิโคน หรือพลาสติกบางชนิด อีกด้วย (ฉลากของ HG จึงมีคำแนะนำอยู่บนฉลากว่า ควรทดสอบบนพื้นที่เล็กๆ ก่อนเสมอ) เมื่อ “คราบน้ำ” สุดกวนตา... กลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาสุดกวนใจ และสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ ที่บนโลก การดูแลด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ จึงนับเป็นของคู่กันที่เกิดมานานนับตั้งแต่อดีตกาล ฉะนั้น... การหนีไปดาวพลูโต จึงอาจเป็นคำตอบของคนที่ไม่ค่อยชอบความสะอาดก็เป็นได้
HG Tips : ซักผ้าให้เรา... ล้างเขาบ้าง!

13 กรกฎาคม 2563

HG Tips : ซักผ้าให้เรา... ล้างเขาบ้าง!
        คราบสกปรก,เศษใยผ้า,ผงซักฟอก ฯลฯ ที่ตกค้างสะสมอยู่ในเครื่องซักผ้า รวมถึงคราบหินปูนซึ่งเกิดจากน้ำที่เกาะอยู่ภายในเหล่านี้ ล้วนมีผลโดยตรงต่อความเสียหลายอย่างที่คุณไม่ควรมองข้าม เช่น ซักผ้าไม่สะอาด เกิดกลิ่นเหม็น เครื่องทำงานหนัก กินไฟ ความร้อนไม่ได้ตามอุณหภูมิ ประสิทธิภาพถดถอย ชิ้นส่วนภายในเสื่อมสภาพเร็ว        ...แค่นี้พอเห็นภาพของผลลัพธ์ที่ได้บวกค่าใข้จ่ายที่กำลังจะมาหรือยัง?เคล็ดลับการทำความสะอาดแบบง่ายๆตั้งโปรแกรมซักที่อุณหภูมิสูงสุด ประมาณ 90 องศา และอาจใส่เม็ดทำความสะอาดเครื่องล้างจาน ลงในถังซักด้วย วิธีนี้ให้ทำเป็นครั้งคราวน้ำส้มสายชู เทลงในถังซัก ตั้งอุณหภูมิ 60 องศา แล้วปล่อยให้เครื่องทำงาน        (**ทั้ง 2 วิธี อย่าลืมเอาผ้าออกก่อนหล่ะ)แบบง่ายๆ แต่หากไม่ได้ผลลองแล้วแต่ยังไม่พอใจ อยากให้ใช้ เอชจี เซอร์วิส เอ็นจิเนียร์ ฟอร์ วอชชิ่งแมทชีน แอนด์ ดิชวอชเชอร์  ป้องกันทุกปัญหาข้างต้น และทำความสะอาดได้อย่างหมดจดทุกซอกมุม ข้างนอกก็ใหม่ ข้างในก็สะอาด
Tips : ตู้เย็น ภัยแฝงเร้นถ้าไม่สะอาด

13 กรกฎาคม 2563

Tips : ตู้เย็น ภัยแฝงเร้นถ้าไม่สะอาด
ตู้เย็น ภัยแฝงเร้นถ้าไม่สะอาด ที่สำหรับเก็บอาหาร แต่แปลก! ที่แห่งนี้เรามักไม่ค่อยทำความสะอาด สิ่งที่พบประจำคือคราบเลอะและมีกลิ่นทุกครั้งที่เปิด กลิ่นมาจากไหน ? ทำไง ? ไม่ให้มีกลิ่น ได้เวลาสร้างสุขอนามัย มีอะไรที่ง่ายกว่า กลิ่นมาจากไหน? * คราบสกปรกที่หกเลอะตามส่วนต่าง โดยเฉพาะที่เป็นซอก ร่อง ช่องระบาย * เชื้อรา ที่บางครั้งก่อตัวในจุดที่สังเกตเห็นยาก * อาหารที่เริ่มเน่าเสีย ฝากกลิ่นเอาไว้ยาวนานแม้จะนำอาหารทิ้งแล้ว ทำไง? ไม่ให้มีกลิ่น * ใช้กระดาษรองพื้นตามชั้นวาง กระดาษเลอะ ให้เปลี่ยนแผ่นใหม่ * วางเบคกิ้งโซดา ไว้ในตู้เย็น ช่วยดูดซับกลิ่น * ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ควรอยู่ที่ 3 - 4 องศา * ตรวจดูอาหารบ่อยๆว่าหมดอายุหรือเน่าเสียหรือเปล่า * อาหารที่ส่งกลิ่น ควรเก็บใส่กล่องที่มีฝาปิดสนิท ได้เวลาสร้างสุขอนามัย 1. ถอดปลั๊กตู้เย็นออกก่อน 2. ตรวจดูวันหมดอายุหรือสภาพของอาหารว่ามีเน่าเสียหรือเปล่า ถ้ามีให้ทิ้ง 3. ถอดชั้นวาง ถาด ออกมาทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาอื่นๆที่เหมาะสม 4. ทำความสะอาดส่วนอื่นๆภายในตู้เย็น รวมถึงขอบยางที่ประตูด้วย 5. หลังทำความสะอาดแล้วต้องเช็ดให้แห้ง อย่าให้เหลือคราบของน้ำสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ ก่อนนำอาหารเข้าไปแช่ มีอะไรที่ง่ายกว่า ถ้าเบื่อผสมน้ำยา/น้ำสบู่ เบื่อต้องมาเช็ดให้แห้งในขั้นสุดท้าย ใช้ตัวนี้ เอชจี ไฮจีนิค ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดตู้เย็น เป็นสเปรย์ มีกลิ่นหอม ขจัดคราบได้อย่างรวดเร็ว แห้งไว ไม่ทิ้งรอย ไม่ต้องเช็ดแห้ง เอาสั้นๆ ฉีด เช็ดคราบ จบ!!

สมัครสมาชิก

Icon Phone Icon Mail Icon Line
เพิ่มไปยังตะกร้า