Back
เพราะ “การขจัดคราบ การปกป้อง และช่วยคืนความสวยงามให้กับพื้นผิวของวัสดุ” นั้น นับได้ว่า เป็นหัวใจหลัก และสำคัญที่สุด
ในการตัดสินใจเลือกซื้อ “ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด” เสมอมา ถึงแม้ในปัจจุบัน “เรื่องของกลิ่น” ทั้งชนิดที่มีกลิ่นหอม หรือไม่มีกลิ่นนั้น
จะนับเป็นอีกหนึ่งในข้อพิจารณาที่ผู้ใช้มักให้ความสำคัญเป็นอันดับรองๆ ลงมาก็ตาม
แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เรื่องนี้กลับสร้างความกังวลใจไม่น้อย หรือจากตัวอย่างการรายงานที่ระบุไว้ใน Journal of Environmental Health
เรื่อง Prevalence of fragrance sensitivity in the American population ซึ่งว่ากันด้วยเรื่อง ความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
พบว่า มีจำนวนประชากรกว่า 10% ของสหรัฐฯ นั้น เคยเกิดการระคายเคืองกับผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม และมีแนวโน้ม
ที่อาจนำไปสู่โรคทางเดินหายใจชนิดต่างๆ และอาการแพ้ส่วนผสมอื่นๆ ร่วมด้วย
จนนำไปสู่การตั้งมาตรการเพื่อการควบคุมในเรื่องดังกล่าว และเริ่มมีความเข้มงวดตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ทั้งในด้านคุณลักษณะต่างๆ
และเพื่อลดความเสี่ยงของการใช้น้ำหอม (Fragrances) เป็นส่วนผสม ซึ่งมี 2 รูปแบบที่มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน คือ
1.กลุ่ม synthetic fragrances เช่น galaxolide สารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติการสร้างกลิ่นที่คล้ายดอกไม้ หอมละมุน
และสะอาดสดชื่น (ส่วนใหญ่ถูกใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม)
2.กลุ่ม masking fragrances สารที่มีคุณสมบัติในการปกปิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
เช่น สารลดแรงตึงผิว หรือกรดกำมะถันต่างๆ
ฉะนั้น เหตุผลของทั้งการแต่งกลิ่น หรือการไม่แต่งกลิ่นนั้น อาจยังเป็นไปตามวงจรของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองต่อตามความต้องการ
ของผู้บริโภคก็จริงอยู่ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เรื่องนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา และยังส่งผลในด้านลบอยู่ไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนั้น หากเรามีการใช้งานที่ไม่ถูกต้องตามหลักการปฎิบัติ และไม่เข้าใจพื้นฐานของในเรื่องกลิ่นที่ดีมากพอ
.คุณก็อาจได้รับเพียง กลิ่นที่สะอาด (smell of clean) แต่ไม่เคยได้เข้าถึง ความรู้สึกของความสะอาด (feel of clean)
อันแท้จริงได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ HG ซึ่งมีพลังในการขจัดคราบสูง โดยไม่ทำลายพื้นผิวนั้น
จึงมีการแจ้งข้อควรระวัง หากมีการสัมผัสกับสารเคมีชนิดต่างๆ รวมถึงในเรื่องของกลิ่นที่อาจมีความฉุนบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง
(ตามประสาทการรับรู้กลิ่นของแต่ละบุคคล) โดยทั้งนี้จะมีการระบุไว้ที่ฉลากอย่างชัดเจนในเรื่องของวิธีการใช้งานว่า “หลังจากฉีด
หรือใช้น้ำยาเช็ดลง ณ จุดนั้นๆ แล้ว ควรทิ้งไว้เป็นเวลานาน XX นาที
เพื่อให้คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ทำปฏิกิริยากับพื้นผิววัสดุได้อย่างล้ำลึก(ระยะเวลาเป็นไปตามการทดสอบผ่านห้องปฏิบิติการ)
รวมทั้งยังเป็นการป้องกัน และให้ผู้ใช้ได้หลีกเลี่ยงจากจุดดังกล่าว ก่อนที่จะกลับมาทำการขัดล้างในขั้นตอนสุดท้ายต่อไป
ซึ่งจุดนี้ นับเป็นไฮไลต์สำคัญที่ช่วยให้เราได้เข้าใจถึง “ความรู้สึกที่สะอาด” อย่างครบถ้วน ทั้งการขจัดคราบตามวัตถุประสงค์
ความสะดวกต่อการใช้งาน และลดการปนเปื้อนที่อาจอยู่กับกลิ่นหอมสังเคราะห์ของผลิตภัณฑ์
ซึ่งการรับรู้ถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ และใช้งานตามคำแนะนำที่ระบุไว้อยู่บนฉลากนั้น ย่อมเป็นไปตามหลักการ
และขั้นตอนของการทำความสะอาดที่ดี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงที่สุด และที่สำคัญ…
ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรานั่นเอง!!!
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบรนด์ HG
www.naradee.com/HG
สรุปแล้ว… จะเอาแค่เรื่อง “กลิ่นที่สะอาด” หรือต้องการ “ความรู้สึกที่สะอาด” กันแน่!!!
12 | 04 | 2023เพราะ “การขจัดคราบ การปกป้อง และช่วยคืนความสวยงามให้กับพื้นผิวของวัสดุ” นั้น นับได้ว่า เป็นหัวใจหลัก และสำคัญที่สุด
ในการตัดสินใจเลือกซื้อ “ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด” เสมอมา ถึงแม้ในปัจจุบัน “เรื่องของกลิ่น” ทั้งชนิดที่มีกลิ่นหอม หรือไม่มีกลิ่นนั้น
จะนับเป็นอีกหนึ่งในข้อพิจารณาที่ผู้ใช้มักให้ความสำคัญเป็นอันดับรองๆ ลงมาก็ตาม
แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เรื่องนี้กลับสร้างความกังวลใจไม่น้อย หรือจากตัวอย่างการรายงานที่ระบุไว้ใน Journal of Environmental Health
เรื่อง Prevalence of fragrance sensitivity in the American population ซึ่งว่ากันด้วยเรื่อง ความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
พบว่า มีจำนวนประชากรกว่า 10% ของสหรัฐฯ นั้น เคยเกิดการระคายเคืองกับผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม และมีแนวโน้ม
ที่อาจนำไปสู่โรคทางเดินหายใจชนิดต่างๆ และอาการแพ้ส่วนผสมอื่นๆ ร่วมด้วย
จนนำไปสู่การตั้งมาตรการเพื่อการควบคุมในเรื่องดังกล่าว และเริ่มมีความเข้มงวดตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ทั้งในด้านคุณลักษณะต่างๆ
และเพื่อลดความเสี่ยงของการใช้น้ำหอม (Fragrances) เป็นส่วนผสม ซึ่งมี 2 รูปแบบที่มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน คือ
1.กลุ่ม synthetic fragrances เช่น galaxolide สารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติการสร้างกลิ่นที่คล้ายดอกไม้ หอมละมุน
และสะอาดสดชื่น (ส่วนใหญ่ถูกใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม)
2.กลุ่ม masking fragrances สารที่มีคุณสมบัติในการปกปิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
เช่น สารลดแรงตึงผิว หรือกรดกำมะถันต่างๆ
ฉะนั้น เหตุผลของทั้งการแต่งกลิ่น หรือการไม่แต่งกลิ่นนั้น อาจยังเป็นไปตามวงจรของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองต่อตามความต้องการ
ของผู้บริโภคก็จริงอยู่ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เรื่องนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา และยังส่งผลในด้านลบอยู่ไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนั้น หากเรามีการใช้งานที่ไม่ถูกต้องตามหลักการปฎิบัติ และไม่เข้าใจพื้นฐานของในเรื่องกลิ่นที่ดีมากพอ
.คุณก็อาจได้รับเพียง กลิ่นที่สะอาด (smell of clean) แต่ไม่เคยได้เข้าถึง ความรู้สึกของความสะอาด (feel of clean)
อันแท้จริงได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ HG ซึ่งมีพลังในการขจัดคราบสูง โดยไม่ทำลายพื้นผิวนั้น
จึงมีการแจ้งข้อควรระวัง หากมีการสัมผัสกับสารเคมีชนิดต่างๆ รวมถึงในเรื่องของกลิ่นที่อาจมีความฉุนบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง
(ตามประสาทการรับรู้กลิ่นของแต่ละบุคคล) โดยทั้งนี้จะมีการระบุไว้ที่ฉลากอย่างชัดเจนในเรื่องของวิธีการใช้งานว่า “หลังจากฉีด
หรือใช้น้ำยาเช็ดลง ณ จุดนั้นๆ แล้ว ควรทิ้งไว้เป็นเวลานาน XX นาที
เพื่อให้คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ทำปฏิกิริยากับพื้นผิววัสดุได้อย่างล้ำลึก(ระยะเวลาเป็นไปตามการทดสอบผ่านห้องปฏิบิติการ)
รวมทั้งยังเป็นการป้องกัน และให้ผู้ใช้ได้หลีกเลี่ยงจากจุดดังกล่าว ก่อนที่จะกลับมาทำการขัดล้างในขั้นตอนสุดท้ายต่อไป
ซึ่งจุดนี้ นับเป็นไฮไลต์สำคัญที่ช่วยให้เราได้เข้าใจถึง “ความรู้สึกที่สะอาด” อย่างครบถ้วน ทั้งการขจัดคราบตามวัตถุประสงค์
ความสะดวกต่อการใช้งาน และลดการปนเปื้อนที่อาจอยู่กับกลิ่นหอมสังเคราะห์ของผลิตภัณฑ์
ซึ่งการรับรู้ถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ และใช้งานตามคำแนะนำที่ระบุไว้อยู่บนฉลากนั้น ย่อมเป็นไปตามหลักการ
และขั้นตอนของการทำความสะอาดที่ดี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงที่สุด และที่สำคัญ…
ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรานั่นเอง!!!
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบรนด์ HG
www.naradee.com/HG
